สถาบันอัญมณีฯ เจาะลึกสหรัฐฯ ตัดจีเอสพีเครื่องประดับ พบ 22 รายการย่อยภาษีเพิ่ม - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

สถาบันอัญมณีฯ เจาะลึกสหรัฐฯ ตัดจีเอสพีเครื่องประดับ พบ 22 รายการย่อยภาษีเพิ่ม

สถาบันอัญมณีฯ เจาะลึกสหรัฐฯ ตัดจีเอสพีเครื่องประดับ พบ 22 รายการย่อยภาษีเพิ่ม

img
สถาบันอัญมณีฯ วิเคราะห์การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ หลังสหรัฐฯ ตัดจีเอสพี พบมีผลกระทบเล็กน้อย มีแค่ 22 รายการย่อยใน 4 สินค้าหลัก ต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราปกติ ส่วนเครื่องประดับเงินและเครื่องประดับแท้ที่ทำด้วยทองคำหรือแพลทินัม ที่มีสัดส่วนการส่งออกสูง 61.41% ยังส่งออกได้ดี แม้จะถูกตัดจีเอสพีไปแล้ว รวมถึงเพชร พลอยสี และไข่มุก ที่ภาษียังคงเป็น 0% แนะรักษาคุณภาพ สานสัมพันธ์คู่ค้า เพื่อสร้างโอกาสทำตลาดต่อ

นางดวงกมล เจียมบุตร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือจีไอที เปิดเผยถึงผลการวิเคราะห์กรณีที่สหรัฐฯ ตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ว่า ในภาพรวมมีผลกระทบต่อการส่งออกเล็กน้อย มีเพียง 22 รายการย่อย ใน 4 สินค้าหลัก คือ เครื่องประดับแท้ เครื่องทองหรือเครื่องเงิน ของทำด้วยไข่มุกและรัตนชาติ และเครื่องประดับเทียม ที่จะต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราปกติ โดยปัจจุบันภาษีต่ำสุด คือ 0% และสูงสุด 13.5%

“สินค้า 4 กลุ่มนี้ มีมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ ในปี 2561 รวม 111.03 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วนเพียง 8.20% ของมูลค่าส่งออกรวมทั้งหมด โดยจะต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราปกตินับตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.2563 เป็นต้นไป ทำให้การส่งออกสินค้าในกลุ่มนี้ของไทยมีต้นทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 6.43 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากสินค้าไทยกลุ่มนี้จะถูกเก็บภาษีนำเข้าสูงขึ้นโดยเฉลี่ย 5.79%”

นางดวงกมลกล่าวว่า สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับกลุ่มอื่น พบว่า ไม่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะสินค้าที่ไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขัน ทั้งเครื่องประดับเงินซึ่งมีมูลค่าเกินกว่าโหล/ชิ้นละ 18 เหรียญสหรัฐ และเครื่องประดับแท้ที่ทำด้วยทองคำหรือแพลทินัม ซึ่งไม่ได้จีเอสพีแล้ว ยังเป็นสินค้าไทยที่มีศักยภาพในการส่งออกไปยังสหรัฐฯ โดยมีมูลค่าส่งออกในปี 2561 รวม 831.88 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 61.41% ของมูลค่าส่งออกรวม โดยเครื่องประดับเงิน ปัจจุบันเสียภาษีนำเข้า 5% สหรัฐฯ ยังคงนำเข้าจากไทยเป็นอันดับหนึ่ง มูลค่า 544.19 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 13.13% ถือว่าไทยยังคงสามารถรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันได้เป็นอย่างดี ส่วนเครื่องประดับทองคำหรือแพลทินัม เสียภาษี 5.5% มีมูลค่า 287.69 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 7.62% เป็นรองคู่แข่งหลักในตลาดอย่างอินเดียและจีน

ขณะที่สินค้าเพชร พลอยสี และไข่มุก ยังคงมีอัตราภาษีนำเข้าปกติเป็น 0% จึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆ โดยในปี 2561 ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ มูลค่า 364.13 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.27% หรือคิดเป็นสัดส่วน 26.88% ของมูลค่าการส่งออกรวม

“การถูกระงับสิทธิจีเอสพีที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ในปีหน้า จะทำให้ความได้เปรียบด้านต้นทุนภาษีของไทยหมดไป ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าค่อนข้างมาก ทำให้สินค้าไทยมีราคาสูงขึ้น เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาดสหรัฐฯ การรักษาคุณภาพและมาตรฐานสินค้า จึงเป็นสิ่งสำคัญ และผู้ส่งออกไทยควรกระชับความสัมพันธ์กับผู้นำเข้าพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับการส่งเสริมการส่งออกและการทำตลาดเชิงรุกเพื่อรักษาส่วนแบ่งในตลาดนี้ไว้”นางดวงกมลกล่าว

สำหรับรายละเอียดภาษีนำเข้าที่จะเพิ่มขึ้น มีดังนี้ ไข่มุก 0% เพชร 0% โลหะแพลทินัม 0% เศษหรือของใช้ที่ไม่ได้ทำด้วยโลหะมีค่า 0% ฝุ่นหรือผลของรัตนชาติหรือกึ่งรัตนชาติ 0% เหรียญกษาปณ์ 0% พลอยสี 0-10.5% อัญมณีสังเคราะห์ 0-6.4% โลหะเงิน 0-3% โลหะสามัญที่หุ้มติดด้วยเงิน 3.3% ทองคำ 0-4.1% โลหะสามัญที่หุ้มติดด้วยทองคำ 6% โลหะสามัญเงินหรือทองคำที่หุ้มติดด้วยแพลทินัม 10% เครื่องประดับแท้ 5-13.5% เครื่องทองหรือเครื่องเงิน 2.7-7.9% ของอื่นๆ ทำหรือหุ้มติดด้วยโลหะมีค่า 0-4% ของทำด้วยไข่มุกและรัตนชาติ 0-10.5% เครื่องประดับเทียม 0-11%

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad