“จุรินทร์”เปิดตัว “ร้านไทย” บนเว็บ Tmall Global มั่นใจช่วยดันสินค้าเจาะตลาดออนไลน์จีน
“จุรินทร์”เปิดตัว TOPTHAI Flagship Store บน Tmall Global ของอาลีบาบา ตั้งเป้านำ 100 บริษัทไทยขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เจาะตลาดจีน เผยเป็นโอกาสดีที่มีห้องไทยโดยเฉพาะ ชาวจีนสนใจสินค้าไทยก็เข้ามาเลือกซื้อได้ มั่นใจหนุนส่งออกเพิ่มแน่ พร้อมจับมือช่วย SMEs เข้าสู่การค้าออนไลน์ พัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัล ระบุยังจะเร่งผลักดันสินค้าไทยเข้าไปขายใน “เหอหม่า” ให้ได้เพิ่มขึ้นด้วย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 6 พ.ย.2562 ได้หารือกับผู้บริหารระดับสูงของอาลีบาบา ที่โรงแรม Jin Jiang Tower นครเซี่ยงไฮ้ โดยได้ทำการเปิดตัว TOPTHAI Flagship Store บน Tmall Global ของอาลีบาบา เพื่อจำหน่ายสินค้าแฟชั่น ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม เครื่องสำอาง และอาหาร เป้าหมายมีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วม 100 บริษัท เพื่อเปิดโอกาสให้สินค้าไทยเข้าสู่ตลาดจีน
“ได้เพิ่มความเข้มข้นในเรื่องความร่วมมือกับอาลีบาบา ที่จะเปิดโอกาสให้สินค้าของไทยสามารถเข้าไปขายออนไลน์ในแพลตฟอร์มของอาลีบาบาได้ ซึ่งเที่ยวนี้เปิดโอกาสให้เรามีห้องไทยโดยเฉพาะ ซึ่งเราสามารถนำสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐานมาไว้ในห้องไทย และเมื่อใครเข้าไปในแพลตฟอร์มของอาลีบาบา ก็สามารถค้นหารายการสินค้าไทยได้ ซึ่งคนจีนนิยมมาก เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยให้สินค้าไทยสามารถมาเพิ่มตลาดออนไลน์ โดยไม่จำเป็นต้องมีแพลตฟอร์มของเราเอง แต่ใช้อาลีบาบาเป็นกลไกในการเพิ่มตัวเลขการส่งออก"นายจุรินทร์กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้หารือในการเพิ่มความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับอาลีบาบา ในการพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ของไทย ให้เข้าสู่แพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ระดับนานาชาติ การพัฒนาสินค้าไทยและบุคลากรด้านดิจิทัล
ขณะเดียวกัน ได้หารือเพิ่มเติมในด้านความร่วมมือการส่งเสริมการตลาดและส่งออกสินค้าเกษตร ได้แก่ ยางพารา มันสําปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ข้าว ผลไม้ และสินค้าศักยภาพอื่นๆ ของไทย ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ การจัดกิจกรรมมหกรรมออนไลน์วันประเทศไทย (Thailand Day) เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ กิจกรรมทางการตลาด และการท่องเที่ยวของประเทศไปสู่ผู้บริโภคชาวจีน รวมไปถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่และความรู้ที่สามารถช่วย อํานวยความสะดวกในการทําธุรกิจและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร
นายจุรินทร์กล่าวว่า อาลีบาบามีซุปเปอร์มาร์เก็ตชื่อร้าน “เหอหม่า” ซึ่งปัจจุบันมี 180 แห่ง และกำลังขยายเพิ่มเป็น 400 แห่งในปีถัดไป ซึ่งจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่กระทรวงพาณิชย์จะจับมือกับเหอหม่า ในการช่วยนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยไปสู่ชั้นวางของร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตของเหอหม่า ซึ่งปัจจุบันมียอดขายประมาณ 2,500 ล้านบาท และในอนาคตอันใกล้ มั่นใจว่าเมื่อเขาขยายเพิ่มเติม ก็จะมียอดเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 ล้านบาทได้ในไม่ช้า
“ผมไปดูมาแล้วเมื่อวันที่ 5 พ.ย.2562 สินค้าไทยเป็นที่นิยม ทั้งผลไม้ อาหารแปรรูป เครื่องแกง เครื่องปรุงรส และสินค้าอื่นๆ จากคนไทย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะช่วยนำไปวางบนชั้นวางของเหอหม่าให้ได้เพิ่มขึ้นต่อไป”นายจุรินทร์กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้เข้าเยี่ยมชมงาน China International Import Expo 2019 หรือ CIIE 2019 หลังจากที่ได้เข้าร่วมพิธีเปิดไปแล้วเมื่อวันที่ 5 พ.ย.2562 ที่ผ่านมา โดยปีนี้ มีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วม 46 ราย เช่น ข้าว ผลิตภัณฑ์จากข้าว ยางพารา ผลิตภัณฑ์จากยางพารา เครื่องมือเครื่องใช้ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผลไม้และสินค้าเกษตรแปรรูป อาหารแปรรูป เครื่องสำอาง เป็นต้น และมีสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือจีไอที การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เข้าร่วมจัดแสดง โดยมีนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมคณะให้การต้อนรับ โดยคาดว่า การเข้าร่วมงานปีนี้ จะทำเงินได้ไม่น้อยกว่าปีที่แล้ว ที่ทำได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 6 พ.ย.2562 ได้หารือกับผู้บริหารระดับสูงของอาลีบาบา ที่โรงแรม Jin Jiang Tower นครเซี่ยงไฮ้ โดยได้ทำการเปิดตัว TOPTHAI Flagship Store บน Tmall Global ของอาลีบาบา เพื่อจำหน่ายสินค้าแฟชั่น ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม เครื่องสำอาง และอาหาร เป้าหมายมีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วม 100 บริษัท เพื่อเปิดโอกาสให้สินค้าไทยเข้าสู่ตลาดจีน
“ได้เพิ่มความเข้มข้นในเรื่องความร่วมมือกับอาลีบาบา ที่จะเปิดโอกาสให้สินค้าของไทยสามารถเข้าไปขายออนไลน์ในแพลตฟอร์มของอาลีบาบาได้ ซึ่งเที่ยวนี้เปิดโอกาสให้เรามีห้องไทยโดยเฉพาะ ซึ่งเราสามารถนำสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐานมาไว้ในห้องไทย และเมื่อใครเข้าไปในแพลตฟอร์มของอาลีบาบา ก็สามารถค้นหารายการสินค้าไทยได้ ซึ่งคนจีนนิยมมาก เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยให้สินค้าไทยสามารถมาเพิ่มตลาดออนไลน์ โดยไม่จำเป็นต้องมีแพลตฟอร์มของเราเอง แต่ใช้อาลีบาบาเป็นกลไกในการเพิ่มตัวเลขการส่งออก"นายจุรินทร์กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้หารือในการเพิ่มความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับอาลีบาบา ในการพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ของไทย ให้เข้าสู่แพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ระดับนานาชาติ การพัฒนาสินค้าไทยและบุคลากรด้านดิจิทัล
ขณะเดียวกัน ได้หารือเพิ่มเติมในด้านความร่วมมือการส่งเสริมการตลาดและส่งออกสินค้าเกษตร ได้แก่ ยางพารา มันสําปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ข้าว ผลไม้ และสินค้าศักยภาพอื่นๆ ของไทย ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ การจัดกิจกรรมมหกรรมออนไลน์วันประเทศไทย (Thailand Day) เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ กิจกรรมทางการตลาด และการท่องเที่ยวของประเทศไปสู่ผู้บริโภคชาวจีน รวมไปถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่และความรู้ที่สามารถช่วย อํานวยความสะดวกในการทําธุรกิจและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร
นายจุรินทร์กล่าวว่า อาลีบาบามีซุปเปอร์มาร์เก็ตชื่อร้าน “เหอหม่า” ซึ่งปัจจุบันมี 180 แห่ง และกำลังขยายเพิ่มเป็น 400 แห่งในปีถัดไป ซึ่งจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่กระทรวงพาณิชย์จะจับมือกับเหอหม่า ในการช่วยนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยไปสู่ชั้นวางของร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตของเหอหม่า ซึ่งปัจจุบันมียอดขายประมาณ 2,500 ล้านบาท และในอนาคตอันใกล้ มั่นใจว่าเมื่อเขาขยายเพิ่มเติม ก็จะมียอดเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 ล้านบาทได้ในไม่ช้า
“ผมไปดูมาแล้วเมื่อวันที่ 5 พ.ย.2562 สินค้าไทยเป็นที่นิยม ทั้งผลไม้ อาหารแปรรูป เครื่องแกง เครื่องปรุงรส และสินค้าอื่นๆ จากคนไทย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะช่วยนำไปวางบนชั้นวางของเหอหม่าให้ได้เพิ่มขึ้นต่อไป”นายจุรินทร์กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้เข้าเยี่ยมชมงาน China International Import Expo 2019 หรือ CIIE 2019 หลังจากที่ได้เข้าร่วมพิธีเปิดไปแล้วเมื่อวันที่ 5 พ.ย.2562 ที่ผ่านมา โดยปีนี้ มีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วม 46 ราย เช่น ข้าว ผลิตภัณฑ์จากข้าว ยางพารา ผลิตภัณฑ์จากยางพารา เครื่องมือเครื่องใช้ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผลไม้และสินค้าเกษตรแปรรูป อาหารแปรรูป เครื่องสำอาง เป็นต้น และมีสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือจีไอที การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เข้าร่วมจัดแสดง โดยมีนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมคณะให้การต้อนรับ โดยคาดว่า การเข้าร่วมงานปีนี้ จะทำเงินได้ไม่น้อยกว่าปีที่แล้ว ที่ทำได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น