“พาณิชย์”ถก“ช้อปปี้-เซ็นทรัล-ลาซาด้า”คุมหน้ากากอนามัยแพง ยันตามจับถึงบ้านพวกขายผ่านเฟซบุ๊ก-ไลน์ - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

“พาณิชย์”ถก“ช้อปปี้-เซ็นทรัล-ลาซาด้า”คุมหน้ากากอนามัยแพง ยันตามจับถึงบ้านพวกขายผ่านเฟซบุ๊ก-ไลน์

img

“ปลัดพาณิชย์”ถกแพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดัง ทั้ง Shopee , JD Central และ Lazada แก้ปัญหาขายหน้ากากอนามัยทางออนไลน์สูงเกินจริง เจ้าของแพลตฟอร์มรับที่จะดูแลผู้ขายไม่ให้ขายแพงเกินจริง หากแจ้งแล้วไม่ฟัง ปิดกั้นการมองเห็น หนักสุดคือบล็อกไปเลย ชี้ราคาเหมาะสมไม่ควรเกิน 2.50 บาทต่อแผ่น หากเกินเป็นหน้าที่คนขายต้องชี้แจงตอนโดนจับ ลั่นพวกขายผ่านเฟซบุ๊ก ไอจี ไลน์ อย่าคิดว่าตามไม่เจอ ยันจะตามจับถึงบ้าน

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับแพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดัง ทั้ง Shopee , JD Central และ Lazada เพื่อแก้ไขปัญหาการขายหน้ากากอนามัยทางออนไลน์ราคาแพงเกินจริง ว่า ทางแพลตฟอร์มผู้ให้บริการเป็นตัวกลางซื้อขายออนไลน์ทั้ง 3 แห่ง ได้รับที่จะไปดำเนินการควบคุมผู้ค้าที่นำสินค้ามาจำหน่ายบนแพลตฟอร์มไม่ให้ขายหน้ากากอนามัยแพงเกินสมควร เพราะมีระบบตรวจสอบการจำหน่ายของผู้ค้าที่อยู่บนแพลตฟอร์มอยู่แล้ว และหากพบขายแพงเกินจริง ก็จะแจ้งไปยังผู้ค้าให้เลิกขายแพง ถ้าไม่ปฏิบัติตามก็จะปิดกั้นการมองเห็น หรือหนักสุดคือการบล็อกไม่ให้ร้านค้าปรากฏบนแพลตฟอร์มอีกต่อไป และได้รับที่จะนำข่าวสารไปกระจายไปยังผู้ค้าที่อยู่ในระบบ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ทันทีหรืออย่างช้าภายในวันที่ 12 ก.พ.2563 นี้
        
สำหรับการจำหน่ายที่จะบอกว่าแพงหรือไม่แพง มีหลักการพิจารณาโดยใช้ราคาพื้นฐานที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน เช่น กระทรวงพาณิชย์รับจากผู้ผลิตมาจำหน่ายให้กับประชาชนในราคาแผ่นละ 2.50 บาท ที่ทำเนียบรัฐบาลก็จำหน่ายในราคาแผ่นละ 2.50 บาท หรือในห้างและร้านค้าทั่วไป จำหน่ายเฉลี่ยแผ่นละ 2.00-2.50 บาท ถ้ามีการขายในราคาสูงไปจากนี้ ก็ต้องชี้แจงให้ได้ว่าต้นทุน หรือคุณภาพเป็นอย่างไร เพราะอาจจะแตกต่างกันได้ แต่ถ้าชี้แจงไม่ได้ ก็จะมีการจับกุม และจากนั้นก็หน้าที่ของผู้ขายที่จะต้องพิสูจน์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าที่ขายอยู่แพงหรือไม่แพงเพราะอะไร ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
        
“อยากฝากถึงผู้ค้า อย่าคิดว่าแค่ปิดป้ายแสดงราคา บอกให้คนซื้อรู้ราคาแล้วก็จบ เพราะตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มีหลายมาตราที่จะเข้ามาดูแลเรื่องราคา อย่าเรื่องมาตรา 28 เป็นเรื่องให้ปิดป้ายแสดงราคา แต่เมื่อปิดแล้ว กลับขายราคาแพง ก็เป็นเรื่องของมาตรา 29 ที่จะเข้าไปดูเรื่องค้ากำไรเกินควรหรือไม่ ถ้าค้ากำไรเกินควรก็ผิด และยืนยันว่าตามเจอทุกราย ถ้ามีคนร้องเข้ามา กระทรวงพาณิชย์จะประสานไปยังแพลตฟอร์มทั้ง 3 ราย เพื่อขอข้อมูลผู้ขาย ตอนนี้ ก็จะรู้ว่าเป็นใคร อยู่ที่ไหน จะตามไปจับตัวมาดำเนินคดีทั้งหมด”นายบุณยฤทธิ์กล่าว
        
นายบุณยฤทธิ์กล่าวว่า การจำหน่ายหน้ากากอนามัยผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียอื่นๆ เช่น เฟซบุ๊ก ไอจี ไลน์ ที่ปัจจุบันแม้จะตามตัวได้ไม่ง่ายนัก แต่กระทรวงฯ ยืนยันว่าจะตามให้ได้ จะตามจับเหมือนกับที่รัฐบาลได้ติดตามจับตัวพวกที่สร้างข่าวเฟกนิวส์ ลักษณะการดำเนินการจะตามแบบนั้น ขอยืนยันว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน จะตามไป ถ้ามีประชาชนร้องเข้ามา อย่าคิดว่าอยู่ในโลกออนไลน์แล้วจะหนีกฎหมายได้
        
ทั้งนี้ กระทรวงฯ อยากจะขอความร่วมมือไปยังประชาชน หากพบเห็นการจำหน่ายหน้ากากอนามัยแพงเกินจริง ทั้งตามร้านค้า หรือทางออนไลน์ ขอให้แจ้งข้อมูลเข้ามา โดยแจ้งผ่านสายด่วน 1569 และขอให้ระบุชื่อร้าน สถานที่ตั้ง ที่อยู่ของร้าน และพฤติกรรมการจำหน่ายให้ชัดเจน หรือทางออนไลน์ ขอให้ระบุราคาขาย ชื่อร้าน ผู้จำหน่าย หรือรายละเอียดอื่นๆ โดยยืนยันว่าจะเก็บข้อมูลของผู้แจ้งเป็นความลับ ไม่ต้องกังวล โดยมีผลการดำเนินการจับกุมผู้ค้าหน้ากากอนามัยแพงเกินจริงล่าสุดรวม 18 ราย แยกเป็นในกรุงเทพฯ 14 ราย และต่างจังหวัด 4 ราย ที่ชลบุรี สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต
        
อย่างไรก็ตาม ทางด้านการแก้ปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยและหาซื้อได้ยาก ได้เปิดจำหน่ายที่กระทรวงพาณิชย์ ในราคาชิ้นละ 2.50 บาท จำกัดการซื้อไม่เกิน 10 ชิ้น และได้กระจายไปจำหน่ายให้กับประชาชนในต่างจังหวัดผ่านร้านธงฟ้าประมาณ 800 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งทุกร้านได้รับสินค้าแล้ว และจะทยอยส่งเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad