AH โชว์งบปี 65 นิวไฮกำไรสุทธิหลักโต 119% รับยอดผลิตรถยนต์พุ่ง ตั้งเป้ารายได้ปี 66 โต 10-15% - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันศุกร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2566

AH โชว์งบปี 65 นิวไฮกำไรสุทธิหลักโต 119% รับยอดผลิตรถยนต์พุ่ง ตั้งเป้ารายได้ปี 66 โต 10-15%

AH โชว์งบปี 65 นิวไฮกำไรสุทธิหลักโต 119%

รับยอดผลิตรถยนต์พุ่ง ตั้งเป้ารายได้ปี 66 โต 10-15%

AH ฟอร์มดีงบปี 2565 ทำนิวไฮทั้งรายได้และกำไร รายได้ 28,348 ล้านบาท กำไรหลักสุทธิ 1,761 ล้านบาท โต 119% หลังธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์-โชว์รูมรถยนต์โตดี ยอดขายพุ่ง ชูบริษัทลูกโปรตุเกส พลิกมีกำไรแล้ว พร้อมรับผลบวกเต็มในปีนี้ ส่องแนวโน้มไตรมาส รับไฮซีซั่นออเดอร์เพิ่ม ตั้งเป้ารายได้รวมปี 2566 โตต่อ 10-15% แตะ 31,000 ล้านบาท บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลอัตราหุ้นละ 0.96 บาท สำหรับผลประกอบการงวด กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2565

นายเย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการหลังการขาย        และธุรกิจให้บริการด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ และ IoT (Internet of Things)  เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,824 ล้านบาท เติบโต 78% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 1,024 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 28,348 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,381 ล้านบาท เติบโต 35% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ที่มีรายได้ 20,967 ล้านบาท ส่วนกำไรหลักสุทธิอยู่ที่ 1,761 ล้านบาท เติบโต 119% จากปีก่อน

ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 4/2565 บริษัทมีรายได้รวม 7,878 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,029 ล้านบาท หรือเติบโต 35% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 5,849 ล้านบาท  และมีกำไรสุทธิ 411 ล้านบาท หรือเติบโต 220% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำไว้ 129 ล้านบาท

ทั้งนี้ผลประกอบการทั้งปี 2565 ที่เติบโตอย่างโดดเด่นทำนิวไฮทั้งรายได้และกำไร มีปัจจัยสนับสนุนมาจากยอดสั่งผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ใหม่ (OEM) เพิ่มมากขึ้น ตามสถานการณ์ขาดแคลนชิปที่คลี่คลายลง         และค่ายรถยนต์และรถอเนกประสงค์ เริ่มทยอยเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV Car) ควบคู่กับการเปิดตัวรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป ประกอบกับธุรกิจตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์มีแนวโน้มที่ดีตามอุตสาหกรรมยานยนต์ และภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวรอบใหม่

โดยเห็นได้จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ประมาณการยอดผลิตรถยนต์ปี 2566 อยู่ที่ 1,950,000 คัน เพิ่มขึ้น 3.5% จากปี 2565 ที่ผลิตได้ 1,883,515 คัน แบ่งเป็นยอดผลิตเพื่อส่งออก 1,050,000 คัน เพิ่มขึ้น 1.2% จากปีก่อนอยู่ที่ 1,037,317 คัน และเป็นยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 900,000 คัน เพิ่มขึ้น 6.4% จากปีก่อนอยู่ที่ 846,198 คัน เนื่องจากปัจจัยบวกจากการส่งออก จีนเปิดประเทศ ทำให้การค้าและท่องเที่ยวทั่วโลก รวมถึงไทยจะฟื้นตัว ปัญหาเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) เริ่มคลี่คลาย และเศรษฐกิจไทยยังเติบโตระดับ 3%

ด้านธุรกิจตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์ในประเทศไทยยังขยายตัวได้ดี จากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ และรายได้จากโชว์รูมใหม่มีการรับรู้รายได้เต็มปีในปี 2566 นี้ ประกอบกับการเปิดตัวโชว์รูมรถยนต์ PROTON ที่มาเลเซียในไตรมาส 4/2565 จึงทำให้คาดว่ายอดขายในมาเลเซียสำหรับปี 2566 นี้              ยังคงเติบโตจากปี 2565 ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันบริษัทย่อยที่โปรตุเกส ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วน ได้ผ่านจุดคุ้มทุนในไตรมาส 3/2565                    ซึ่งพลิกกลับมามีกำไรตั้งแต่ไตรมาส 4/2565 และจะรับผลบวกเต็มในปี 2566 หลังจากบริษัทปรับราคาขาย และมีรายได้เพิ่มจากการกระจายผลิตภัณฑ์ไปยังธุรกิจที่นอกเหนือจากธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ได้แก่ ชิ้นส่วนที่ใช้ในธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม ชิ้นส่วนสำหรับอุปกรณ์กีฬา รวมถึงชิ้นส่วนสำหรับรางรถไฟ เป็นต้น ทำให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นายเย็บ ซู ชวน กล่าวต่อว่า แนวโน้มภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 1/2566 เป็นไฮซีซั่นของปีตามปกติ เนื่องจากผู้ประกอบการรถยนต์ค่ายญี่ปุ่นมีการปิดงวดงบการเงินในเดือนมีนาคม ทำให้มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ดังนั้น บริษัทมองว่ารายได้รวมทั้งปี 2566 จะทำนิวไฮต่อเนื่องและเติบโตดีที่สุด โดยตั้งเป้าเติบโต 10-15% จากปี 2565  มาอยู่ที่ระดับ 31,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ จากการได้คำสั่งซื้อใหม่เป็นโมเดล Global Market และธุรกิจ OEM ในประเทศถือเป็นช่วงเปลี่ยนโมเดลสำหรับรถกระบะใหม่ รวมถึงกลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานท่ามกลางวิกฤตต่างๆ ของบริษัท ด้วยวิธีการปรับตัวและแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งมองหาโอกาสเพื่อต่อยอดธุรกิจอยู่เสมอ

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 มีมติจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด            สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ กรกฎาคม 2565 ถึง 31 ธันวาคม 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.96 บาท       โดยคิดเป็นการจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2565 ที่ 1.54 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 15 มีนาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 อย่างไรก็ดี การจ่ายเงินปันผลจะต้องผ่านการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad