เอ็นไอเอปลื้ม “ไฮด์แอนซีค” นิลมังกรไทยตัวแรก รุกขยายตลาดทาสแมว ผ่านโมเดลร่วมทุนกับบิ๊กธุรกิจ พร้อมลุยปั้น “นิลมังกร รุ่น2” เพิ่มวิสาหกิจ ฐานนวัตกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจ - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2566

เอ็นไอเอปลื้ม “ไฮด์แอนซีค” นิลมังกรไทยตัวแรก รุกขยายตลาดทาสแมว ผ่านโมเดลร่วมทุนกับบิ๊กธุรกิจ พร้อมลุยปั้น “นิลมังกร รุ่น2” เพิ่มวิสาหกิจ ฐานนวัตกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจ

เอ็นไอเอปลื้ม “ไฮด์แอนซีค” นิลมังกรไทยตัวแรก รุกขยายตลาดทาสแมว


ผ่านโมเดลร่วมทุนกับบิ๊กธุรกิจ พร้อมลุยปั้น “นิลมังกร รุ่น2” เพิ่มวิสาหกิจ


ฐานนวัตกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจ


สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ จำกัด และบริษัท เวลตี้ ม็อกกี้ อินโนเวชั่น จำกัด ร่วมลงนามการลงทุนในธุรกิจทรายแมว “ไฮด์แอนด์ซีค” นวัตกรรมเพื่อคนรักสัตว์เลี้ยง จากนิลมังกรตัวแรกของประเทศไทย ที่ได้รับรางวัลแชมป์จากเวทีโครงการแข่งขันประกวดสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทย หรือ นิลมังกร 2565 พร้อมเผยโอกาสและมุมมองการลงทุนในธุรกิจนวัตกรรม เพื่อต่อยอดความสำเร็จจาก “นิลมังกร” ตัวแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นเอสเอ็มอีรายเล็กๆ ที่เริ่มต้นธุรกิจเมื่อปี 2563 กับการผลิตสินค้านวัตกรรมที่ช่วยสร้างโอกาสการแข่งขันกับตลาดจนเป็นที่รู้จักในแบรนด์ทรายแมวไฮด์แอนด์ซีค ที่ใช้วัตถุดิบจากมันสำปะหลัง 100% สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับมันสำปะหลังที่ปลูกโดยเกษตรกรไทยได้ถึง 16 เท่า

ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า NIA ในฐานะหน่วยประสานและขับเคลื่อนระบบนวัตกรรมของประเทศ มุ่งสร้างให้เกิดการเพิ่มจำนวนวิสาหกิจฐานนวัตกรรมเพื่อปฏิรูปโครงสร้างทางธุรกิจ การเร่งการเติบโตในการลงทุนทางนวัตกรรมเชื่อมกับการใช้ประโยชน์จากงานวิจัย และการกระตุ้นกิจกรรมและข้อมูลในระบบการร่วมลงทุน เพื่อสร้างโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนแก่ธุรกิจนวัตกรรมให้กับภาคเอกชนไทย ซึ่งการร่วมลงทุนในธุรกิจนวัตกรรมทรายแมว “ไฮด์แอนด์ซีค” ในครั้งนี้ จึงเสมือนเป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นถึงความพยายามในการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดระบบนิเวศนวัตกรรมของ NIA ที่ตอบโจทย์การพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมและใช้เครื่องมือทางนวัตกรรม
มาเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับกลไกการร่วมลงทุนให้มากขึ้น ทั้งนี้ จะส่งผลให้ผู้ประกอบการระดับภูมิภาคและประชาชนทั่วไปเกิดความตระหนักรู้ถึงความสำคัญในการใช้นวัตกรรมเพื่อพัฒนาธุรกิจท้องถิ่นและยกระดับเศรษฐกิจของพื้นที่

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม NIA กล่าวว่า โครงการประกวดสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทย หรือ นิลมังกร เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดย ศูนย์แบรนด์เคยู คณะบริหารธุรกิจ กับภาคีเครือข่าย 20 หน่วยงานทั่วประเทศ ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งในกลยุทธ์การสร้างมูลค่าและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าหรือบริการนวัตกรรม เพื่อเฟ้นหาผู้ประกอบการทั้งเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพในภูมิภาคที่มีการนำอัตลักษณ์ของพื้นที่มาสร้างสรรค์ร่วมกับการใช้นวัตกรรมเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน ผ่านการสื่อสารในรูปแบบของการให้ความบันเทิงควบคู่ไปกับสาระ (Edutainment) ภายใต้ “รายการนิลมังกรเดอะเรียลลิตี้” ซึ่งผลจากการดำเนินโครงการสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นให้กับทั้ง 20 แบรนด์นวัตกรรมไทยได้กว่า 400 ล้านบาท รวมถึงการปั้น “นิลมังกรตัวแรกของประเทศไทย” คือ ผลิตภัณฑ์ทรายแมวไฮด์แอนด์ซีค บริษัท เวลตี้ ม็อกกี้ อินโนเวชั่น จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ทรายแมวที่ใช้วัตถุดิบจากมันสำปะหลังที่ปลูกในประเทศไทย ผ่านกระบวนการในการปรับปรุงคุณสมบัติที่ช่วยเก็บกลิ่น และสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ใน “รายการนิลมังกรเดอะเรียลริตี้” รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 6.5 เท่า ภายในระยะเวลา 3 เดือน และมูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้น 50 เท่า ภายในระยะเวลา 2.5 ปี ซึ่งถือได้ว่าเป็นตัวอย่างธุรกิจนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งนี้ เตรียมรอพบกับนิลมังกรเดอะเรียลริตี้ ซีซั่น 2 ได้ เร็วๆ นี้

นายวัฒนพร ตั้งสง่า ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการ บริษัท เวลตี้ ม็อกกี้ อินโนเวชั่น จำกัด กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ทรายแมวไฮด์แอนด์ซีคเป็นมิตรต่อแมวผู้กลบและทาสผู้เก็บ เป็นนวัตกรรมที่เริ่มต้นจากการศึกษา ค้นคว้า วิจัย และมองหาวัตถุดิบที่เป็นผลผลิตทางการเกษตรจนมาลงตัวที่มันสำปะหลัง เนื่องจากคุณสมบัติที่ช่วยดูดซับกลิ่นและของเหลว และที่สำคัญสามารถทิ้งลงชักโครกได้ เพราะผลิตจากวัตถุดิบจากธรรมชาติ 100% ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ทรายแมวไฮด์แอนด์ซีคสามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด เป็นที่ต้องการของตลาดเพิ่มมากขึ้น ทำให้ยอดขายเติบโตขึ้น และต้องเริ่มวางแผนขยายกำลังการผลิตให้ตอบสนองความต้องการของตลาด จึงทำให้เกิดการระดมทุนเพื่อขยายกำลังการผลิต การตลาด และการส่งออกให้กับผลิตภัณฑ์ โดยมีภาคธุรกิจเอกชนขนาดใหญ่อย่างโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ ที่อยู่ในวงการสัตว์เลี้ยงอันดับต้นของประเทศไทย และนักลงทุนอิสระ นายบุญปวีณ บุญมีโชติ ร่วมลงทุน โดยมูลค่าของการร่วมลงทุนในครั้งนี้ 10 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในปี 2566 ได้มีการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นทรายแมวเปลี่ยนสี โดยรองศาสตราจารย์ ดร.คเณศ วงษ์ระวี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ดร.ลัญจกร อมรกิจบำรุง หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ซึ่งได้รับทุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในการพัฒนาสูตรทรายแมวเปลี่ยนสีที่จะช่วยติดตามอาการป่วยของแมวจากการปัสสาวะได้ ผู้เลี้ยงจะสามารถทราบถึงความผิดปกติของแมวได้ล่วงหน้า เพื่อรับการรักษาอย่างทันถ่วงที ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้ได้รับรางวัลเหรียญทองสิ่งประดิษฐ์จาก Korea Invention Promotion Association สาธารณรัฐเกาหลี และรางวัล The Best Innovation จากสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน จากยอดขายในปี 2565 ของบริษัท เวลตี้ ม็อกกี้ อินโนเวชั่น จำกัด มียอดขายอยู่ที่ 8 ล้านบาท และในปี 2566 บริษัทตั้งเป้าหมายให้มียอดขายอยู่ที่ 20 ล้านบาท

นายพูลเพิ่ม ทองเจริญพูลพร กรรมการบริษัท และผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงินและผู้ประสานงานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ จำกัด กล่าวว่า โอกาสการเติบโตในธุรกิจสัตว์เลี้ยงมีแนวโน้มเฉลี่ยประมาณ 5 – 10% ต่อปี และขยายตัวต่อเนื่องจากคู่รักที่ไม่มีบุตร กลุ่ม LGBTQ และกลุ่มผู้สูงวัย ที่พร้อมจะจับจ่ายใช้สอยในเรื่องอาหาร ของใช้ รวมถึงบริการต่างๆ เพื่อคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยง ซึ่ง “ผลิตภัณฑ์ทรายแมว” ก็เป็นสินค้าที่น่าสนใจที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ สามารถย่อยสลายได้ และตอบโจทย์การใช้งานที่ง่าย สะดวกสบาย เหมาะกับผู้เลี้ยงแมวในระบบปิด ทั้งนี้ ในช่วงแรกทางโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อได้มีการจ้างผลิตแบบ OEM (Original Equipment Manufacturing) ภายใต้แบรนด์ Dr.Choice ซึ่งทำให้มองเห็นโอกาสและแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจนวัตกรรมนี้ จึงตัดสินใจร่วมลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตในธุรกิจร่วมกัน โดยได้เชิญ นายบุญปวีณ บุญมีโชติ นักลงทุนอิสระ และผู้จัดการแผนกจัดซื้อและวางแผน บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด เข้าร่วมการลงทุนในครั้งนี้ เพื่อผลักดันเรื่องของการปรับปรุงกระบวนการผลิต การลดต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการผลิต รวมถึงช่องทางการจำหน่าย และเพิ่มโอกาสการส่งออกผลิตภัณฑ์ทรายแมวไปขายยังต่างประเทศอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad