CGTN: ผลการทดลองและข้อมูลจริงยืนยันวัคซีนโควิด-19 ของจีนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2566

CGTN: ผลการทดลองและข้อมูลจริงยืนยันวัคซีนโควิด-19 ของจีนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

 A resident gets a dose of an inhalable COVID-19 vaccine in Beijing, China, December 19, 2022. /CFP

CGTN: ผลการทดลองและข้อมูลจริงยืนยันวัคซีนโควิด-19 ของจีนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

 

ปักกิ่ง--18 มกราคม 2566--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

 

การทดลองทางคลินิกและข้อมูลจากการใช้งานจริงพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า วัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตในจีนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยวัคซีนของจีนได้ช่วยปกป้องชีวิตประชาชนทั้งในจีนและทั่วโลก ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ไม่อาจลบล้างได้ และแม้แต่ผู้ที่ปฏิเสธก็ไม่อาจคัดค้านได้

 

ตัวเลือกมากมาย

 

จีนเป็นประเทศเดียวที่มีการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ด้วยเทคนิคที่หลากหลาย ซึ่งวัคซีนแต่ละชนิดทำงานในลักษณะที่แตกต่างกัน

 

นอกจากวัคซีน mRNA ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่อย่างของไฟเซอร์ (Pfizer Inc.) แล้ว ประชาชนยังสามารถเลือกรับวัคซีนเชื้อตายแบบดั้งเดิมที่ผ่านการทดสอบมาเป็นอย่างดี ซึ่งกลายเป็นวัคซีนหลักในจีน

 

ขณะเดียวกัน บริษัทจีนยังผลิตวัคซีนชนิดไวรัลเวกเตอร์และวัคซีนจากโปรตีนส่วนหนึ่งของเชื้อ เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้

 

นอกจากกลไกการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกันแล้ว วัคซีนของจีนยังมาในรูปแบบที่แตกต่างหลากหลาย เช่น แบบฉีด สูดดม และพ่นจมูก ซึ่งสามารถเลือกได้ตามความพึงพอใจ

 

ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์วัคซีนทั้งหมด 13 รายการในจีน

 

ปลอดภัยไว้ก่อน

 

จีนให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของวัคซีนเป็นอันดับแรกเสมอ” นายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ “วัคซีนที่ผลิตในจีนมีประวัติความปลอดภัยที่ดี และมีอัตราการเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์โดยรวมในระดับต่ำ”

 

ประชาชนหลายพันล้านคนฉีดวัคซีนของจีน ซึ่งเป็นหลักฐานที่ยืนยันความปลอดภัยของวัคซีนได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ณ วันที่ 12 มกราคม ประชาชนกว่า 1.3 พันล้านคนในจีนได้รับวัคซีนไปแล้วกว่า 3.4 พันล้านโดส โดยมากกว่า 241 ล้านคนในจำนวนนี้มีอายุมากกว่า 60 ปี

 

ข้อมูลสถิติจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งประเทศจีนระบุว่า มีรายงานผู้ป่วยอาการไม่พึงประสงค์รุนแรงจำนวน 188 รายในจีนแผ่นดินใหญ่ ระหว่างวันที่ 15 ธันวาคม 2563 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2564 หลังจากฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั้งหมด 265 ล้านโดส หรือคิดเป็นอัตราส่วน 0.07 ต่อ 100,000 โดส ซึ่งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งประเทศจีนเรียกอัตรานี้ว่า “หายากมาก”

 

วัคซีนของจีน 3 รายการได้รับการขึ้นบัญชีวัคซีนสำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก (WHO) นอกจากนี้ วัคซีนโคโรนาแวค (CoronaVac) ของซิโนแวค (Sinovac) ยังเป็นวัคซีนเดียวในบัญชีที่แนะนำให้ใช้กับเด็กอายุ 3-4 ขวบ และในเดือนสิงหาคม 2565 วัคซีนโคโรนาแวคได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลในชิลีและเขตบริหารพิเศษฮ่องกงของจีนให้ใช้กับทารกอายุ 6 เดือน

 

ประสิทธิภาพเด่นชัด

 

ตามกฎหมายของจีน วัคซีนต้องผ่านการทดลองทางคลินิกจึงจะได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล ซึ่งในระหว่างนั้นประสิทธิภาพของวัคซีนต้องได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ วัคซีนของจีนจำนวนมาก อย่างเช่นวัคซีนจากซิโนฟาร์ม (Sinopharm) และซิโนแวค ต่างได้รับการทดสอบกับคนหลายเชื้อชาติ

 

ในการทดลองระยะที่ 3 ของวัคซีนโคโรนาแวคในประเทศตุรกี ซึ่งมีประชาชนเข้าร่วมการทดลองมากกว่า 10,000 คน พบว่าวัคซีน 2 โดสมีประสิทธิภาพ 83.5% โดยนักวิจัยกล่าวว่าวัคซีน “มีประสิทธิภาพสูงพร้อมด้วยความปลอดภัยและความทนต่อยา”

 

องค์การอนามัยโลกเปิดเผยว่า การทดลองระยะที่ 3 ของวัคซีนซิโนฟาร์ม ซึ่งเป็นการทดลองขนาดใหญ่ในหลายประเทศ ยังแสดงให้เห็นประสิทธิภาพถึง 79% ซึ่งสูงจนองค์การอนามัยโลกแนะนำให้ใช้

 

เมื่อครั้งที่องค์การอนามัยโลกขึ้นบัญชีวัคซีนจีนตัวแรกสำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉินในเดือนพฤษภาคม 2564 นายเทดรอส อาดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก เปิดเผยว่าได้ตัดสินใจขึ้นบัญชีวัคซีนจีนเพราะ “ความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และคุณภาพ”

 

เมื่อเปรียบเทียบกับวัคซีนอื่นที่ผลิตโดยโมเดอร์นา (Moderna) และไฟเซอร์ในช่วงเวลานั้น วัคซีนเชื้อตายของจีนมีข้อได้เปรียบคือ สามารถจัดเก็บและขนส่งโดยใช้ตู้เย็นมาตรฐานที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่พร้อมจัดเก็บและขนส่งวัคซีนจำนวนมากที่อุณหภูมิต่ำ

 

ช่วยเหลือทั่วโลก

 

จีนบริจาคและส่งออกวัคซีนโควิด-19 จำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นการแสดงความรับผิดชอบในระดับสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเทศที่พัฒนาแล้วบางประเทศกักตุนวัคซีนไว้สำหรับประชาชนของตนเอง

 

บริษัทวิเคราะห์ข้อมูล แอร์ฟินิตี (Airfinity) เปิดเผยว่า สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรแทบไม่ส่งออกวัคซีนเลย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 ขณะที่นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา ได้เรียกร้องให้สหรัฐอเมริกายกเลิกข้อจำกัดการส่งออกวัคซีนและส่วนประกอบของวัคซีนโควิด-19 ในเดือนพฤษภาคม 2564 หลังจากที่ประชาชนมากกว่าครึ่งในสหรัฐอเมริกาได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งโดสแล้ว

 

กว่า 120 ประเทศและองค์กรระหว่างประเทศได้รับวัคซีนที่ผลิตในจีนกว่า 2.2 พันล้านโดส ประชาชนในกว่า 100 ประเทศได้รับวัคซีนของจีน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้นำของกว่า 30 ประเทศ

 

วัคซีนของจีนเป็นความสำเร็จอันล้ำค่าในการต่อสู้กับโควิด-19 และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในหลายประเทศ ดังนั้น คุณูปการนี้ไม่ควรถูกทำให้เสื่อมเสียหรือถูกบิดเบือน

 

ลิงก์https://news.cgtn.com/news/2023-01-17/China-s-COVID-19-vaccines-proven-safe-effective-by-trials-and-data-1gFeDhuFJ0k/index.html


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad