“จุรินทร์”ติดตามโครงการลดราคาปุ๋ย เผยยังเหลืออีก 3.5 ล้านกระสอบให้ซื้อถูกกว่าตลาด - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2564

“จุรินทร์”ติดตามโครงการลดราคาปุ๋ย เผยยังเหลืออีก 3.5 ล้านกระสอบให้ซื้อถูกกว่าตลาด

img

“จุรินทร์”ติดตามโครงการลดราคาปุ๋ยเคมีช่วยเหลือเกษตรกร หลังจับมือ 3 สมาคมปุ๋ย จำหน่ายปุ๋ยราคาพิเศษ 4.5 ล้านกระสอบ จำนวน 84 สูตร เพื่อช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกร เผยมีการสั่งซื้อไปแล้ว 1 ล้านกระสอบ คงเหลือ 3.5 ล้านกระสอบ เกษตรกรสามารถรวมกลุ่ม แจ้งในนามกลุ่ม เพื่อสั่งซื้อได้ ยกตัวอย่างปุ๋ยยูเรีย ที่ใช้มากถึง 40% จะถูกกว่าตลาดกระสอบละ 50 บาท  
         
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามการดําเนินโครงการลดราคาปุ๋ยเคมี ให้แก่สถาบันเกษตรกร ณ สหกรณ์การเกษตรไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ. นนทบุรี ผ่านระบบ Zoom conference กับผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด พาณิชย์จังหวัด เกษตรจังหวัด และสหกรณ์จังหวัดทั่วประเทศ ว่า โครงการนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย บริษัท เจียไต๋ จำกัด สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร จัดเตรียมปุ๋ยราคาพิเศษถูกกว่าท้องตลาดในโครงการจำนวน 4.5 ล้านกระสอบ มีทั้งสิ้น 84 สูตร จำหน่ายให้กับเกษตรกรทั่วประเทศ เพื่อช่วยลดต้นทุนค่าปุ๋ยในช่วงที่ราคาปุ๋ยปรับตัวสูงขึ้น
         
ทั้งนี้ เกษตรกรที่ต้องการซื้อปุ๋ยราคาพิเศษ สามารถแจ้งความจำนงได้ในนามของกลุ่ม กลุ่มเกษตรกร กลุ่มสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชนการเกษตร หรือการรวมกลุ่มเฉพาะกิจ เพื่อซื้อปุ๋ยตามโครงการนี้ในราคาพิเศษ โดยสั่งจองปุ๋ย 84 สูตรตามราคาที่กำหนด ไม่รวมค่าขนส่ง ขึ้นอยู่กับระยะทาง เพราะเป็นราคาหน้าโรงงาน โดยแจ้งได้ผ่านสหกรณ์จังหวัด สหกรณ์อำเภอ หรือที่เกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอ และเกษตรตำบล เพื่อขอซื้อปุ๋ยได้
         
“ตั้งแต่เริ่มโครงการมา มีเกษตรกรสั่งซื้อมาแล้วประมาณ 1 ล้านกระสอบ ทยอยส่งมอบไปแล้ว ขณะนี้เหลือประมาณ 3.5 ล้านกระสอบ ซึ่งจะดำเนินการต่อไปจนกระทั่งสถานการณ์ราคาปุ๋ยจะคลี่คลายลง หรือหมด 3.5 ล้านกระสอบที่เหลือนี้ โดยขอมอบหมายให้เกษตรจังหวัด สหกรณ์จังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ช่วยดำเนินการในเรื่องนี้ให้บรรลุผลตามนโยบาย และประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มเกษตรกรรับทราบด้วย”นายจุรินทร์กล่าว
        
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ราคาปุ๋ยปรับตัวสูงขึ้นมาก เพราะแม่ปุ๋ยทั้งหมดเกือบ 100% ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ จึงขึ้นอยู่กับภาวะราคาตลาดในต่างประเทศ และขณะนี้ราคาปุ๋ยสูงขึ้น เพราะต้นทุนราคาน้ำมันดิบเป็นต้นทุนสำคัญในการขนส่งสูงขึ้นประมาณ 30% และจีนที่ประเทศที่ไทยนำเข้ามาเป็นหลัก ได้มีการประมูลปุ๋ยให้กับอินเดียเป็นล็อตใหญ่มาก และจีนต้องเก็บปุ๋ยไว้ใช้ในฤดูหว่านไถของประเทศ ทำให้ซัปพลายในตลาดโลกลดน้อยลง และค่าระวางเรือ ค่าขนส่ง ค่าน้ำมันสูงขึ้น ทำให้ราคาปุ๋ยในช่วงที่ผ่านมาสูงขึ้น  
         
ร.ต.จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ระยะเวลาดำเนินโครงการได้เริ่มมาตั้งแต่เดือนก.ค. และจะสิ้นสุดในเดือนส.ค.นี้ เป็นระยะเวลา 2 เดือน หรือจนกว่าสินค้าจะหมด โดยปุ๋ยยูเรียที่ใช้มากถึง 40% ของปุ๋ยทั้งหมด ขายในโครงการ ราคาจะถูกกว่าปกติเฉลี่ยตันละ 1,000 บาท และปุ๋ยยูเรียมีการตรึงราคาในล็อตแรกที่ 650 บาทต่อกระสอบ ในขณะที่ราคาตลาด 825 บาทต่อกระสอบ และล็อตถัดไปราคา 775 บาทต่อกระสอบ ถูกกว่าราคาตลาดประมาณ 50 บาทต่อกระสอบ
         
นายทวีสุข เมฆธวัชชัยกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจียไต๋ จำกัด กล่าวว่า ปุ๋ยมีการนำเข้าโดยเรือขนาดใหญ่ และปุ๋ยที่นำเข้าจากต่างประเทศ มีค่าขนส่งที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน ทำให้ราคาสูงขึ้น และยังมีความต้องการใช้ปุ๋ยทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น ซึ่งไทยพึ่งพาการนำเข้าเกือบ 100% ปุ๋ยที่ผลิต ต้องนำวัตถุดิบมาเพื่อผลิตในประเทศ เฉพาะค่าขนส่งเพิ่มขึ้นเกินกว่าเท่าตัว ค่าปุ๋ยเกินกว่า 60% ขณะที่ราคาปุ๋ยในปัจจุบันค่อย ๆ ปรับขึ้นตามสถานการณ์ตามต้นทุนที่เปลี่ยนไป โดยการนำเข้า เป็นการนำเข้าล่วงหน้า 30-45 วัน และอัตราแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนจาก 30 เป็น 33 บาท ซึ่งคาดว่า ไตรมาสที่ 4 ปุ๋ยบางสูตรราคาจะต่ำลง  
         
รายงานข่าวจากกรมการค้าภายใน แจ้งว่า สถาบันเกษตรกรที่สนใจซื้อปุ๋ยราคาต่ำกว่าท้องตลาด สามารถแจ้งความต้องการซื้อได้ผ่านตามช่องทางดังนี้ 1.กรณีเป็นสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร แจ้งต่อสํานักงานสหกรณ์จังหวัดทุกจังหวัด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สํานักงานสหกรณ์จังหวัดตามเบอร์โทรในเว็บไซต์https://www.cpd.go.th/cpdth2560/contact-office/email-cpd 2.กรณีเป็นสถาบันเกษตรกรอื่น ๆ (ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน วิสาหกิจชุมชน แปลงใหญ่) แจ้งต่อสํานักงานเกษตรอําเภอ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กองส่งเสริมการอารักขาพืชและจัดการดินปุ๋ย กรมส่งเสริมการเกษตร โทร 02 9551515

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad