เอสเอเอเอ็ม เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จัดงาน 1st Day Trade บริษัท เอสเอเอเอ็ม เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) “SAAM” - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2562

เอสเอเอเอ็ม เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จัดงาน 1st Day Trade บริษัท เอสเอเอเอ็ม เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) “SAAM”



เอสเอเอเอ็ม เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จัดงาน 1st Day Trade บริษัท เอสเอเอเอ็ม เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) “SAAM”

บมจ.เอสเอเอเอ็ม เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ (SAAM) ผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพื่อจำหน่าย ซื้อขายวันแรกในตลาด เอ็ม เอ ไอ วันแรก ราคาปิดตลาดเช้า 1.62 บาท ร่วงลงไป -10% จากราคาเปิด 1.80 บาท
 นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยถึง บมจ.เอสเอเอเอ็ม เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มทรัพยากร หรือ “SAAM” ในวันนี้ ระบุว่าเป็นโอกาสที่น่ายินดี ที่ MAI ได้ต้อนรับ SAAM เข้าสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียน ซื้อขายด้วยมูลค่าราคา 540 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นหลักทรัพย์แรกของปีนี้ เราจะเห็นได้ว่าบริษัทเติบโตมากว่า 10 ปี มีโมเดลธุรกิจที่หลากหลายมาก และด้วยธุรกิจพลังงานต้องใช้เงินทุนสูงมาก การเข้าตลาดหลักทรัพย์จึงเป็นการเสริมสร้างการยอมรับ ที่จะส่งเสริมทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
ด้านนายพดด้วง คงคามี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสเอเอเอ็ม เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลอปเมนท์(SAAM) กล่าวว่า เปิดเผยว่า ในเรื่องของราคา IPO นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยแต่ละคนแต่งตังอย่างไร ขอให้ดูไปเรื่อยๆก่อน เพราะทางบริษัทมีแผนรอส่งมอบอีก 2 โครงการ ซึ่งมีมูลค่าสูง ตามแผนการส่งระยะเวลา 3 ปี(ดำเนินการมา 2 ปีแล้ว) ปลายปีนี้น่าจะได้เห็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด
ฉะนั้น ‘ราคา’ คือข่าวที่เขารับรู้มาตลอด ว่าราคา IPO ไม่ดีๆๆๆ เรื่องราคาสะท้อนจากภาพที่ความเชื่อของภาพลักษณ์เรื่องราคาไอพีโอ ไม่เกี่ยวกับความเชื่อมั่นบริษัท เพราะผลประกอบการของบริษัท กำไรทุกอย่างยังเหมือนเดิม เราไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แค่วันเดียว เราต้องอยู่ในตลาดและพัฒนาไปอีก 10-20 ปี
ส่วนรูปแบบการทำธุรกิจในระยะยาวเมื่อเราพัฒนาโครงการ เราจะมีรายได้ค่อนข้างใหญ่ แล้วนำมาซื้อที่ดิน แลัเราจะมาเก็บค่าเช่าอีก 10-20 ปี ซึ่งเราจะขายพลังงานให้แก่โรงงานด้วย ซึ่งหากเงินเหลือเราอาจขอซื้อหุ้นคืนได้ในจำนวนหนึ่ง ขึ้นอยู่กับอะไรเป็นการลงทุนที่ได้ผลดีที่สุด
สำหรับการขยายธุรกิจของ SAAM จะอิงกับความเสี่ยงเป็นหลัก หากอะไรเป็นการลงทุนที่ใหญ่เกินไปเราก็ไม่ลงทุนเพราะจะแบกความเสี่ยงที่สูง ขณะนี้ก็กำลังเจรจากับพันธมิตร 2 ราย เราเป็นผู้พัฒนาโครงการ แต่ละเจ้าในตลาดตอนนี้มองว่าไม่ใช่คู่แห่ง ทั้งยังถือเป็นลูกค้าเป้าหมายอีกด้วย
ส่วนการขยายตลาดต่างประเทศนั้น ทางบริษัทจะมีข้อมูลความเสี่ยงของแต่ละประเทศจากบริษัทประกันยักษ์ใหญ่ เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน ออสเตรเลีย เป็นต้น ด้วยทางบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างศึกษาในประเทศญี่ปุ่นผ่านบริษัทย่อยอีกจำนวน 6 บริษัท
“ต้นทุนการสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล อยู่ที่ราว 2,600 ล้านบาท ต่อ 1 โครงการ 20 เมกกะวัตต์”
หากมองเรื่องของความต้องการในประเทศญี่ปุ่น มีความต้องการ 4-5 หมื่นเมกะวัตต์ มีเป้าหมายที่จะใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน 23% จากการใช้พลังงานของประเทศ ปัจจุบันทำได้อยู่ราว 15-17% มองว่ายังเหลือโอกาสในการเข้าไปพัฒนาตรงนี้ได้อีกมาก
SAAM มีทุนชำระแล้ว 150 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 220 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 80 ล้านหุ้น ทำการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อผู้มีอุปการคุณของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ จำนวน 77.8 ล้านหุ้น ต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ จำนวน 2 ล้านหุ้น พนักงานและผู้บริหาร (ที่มิใช่กรรมการ) จำนวน 0.2 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 24-27 ธันวาคม 2561 ในราคาหุ้นละ 1.80 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 144 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 540 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้นำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มองว่า การที่จะมีหุ้น IPO ในภาวะตลาดผันผวนนั้น ขึ้นอยู่กับ 3 ส่วนที่ต้องใช้ประกอบการพิจารณาว่าจะออกไอพีโอแล้วหรือยัง คือ..
  1. ข้อมูลของบริษัทจดทะเบียน
  2. ความต้องการใช้เงินของบริษัท
  3. สภาวะตลาดในช่วงนั้น ๆ
ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า สภาวะตลาดในช่วงปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะ 3 เดือนหลังมีผลปรับตัวลดลงอย่างมีนัยยะ สาเหตุหลักๆมาจากสภาวะของโลก สงครามการค้า ปัจจัยภาวะดอกเบี้ย ทำให้สภาวะตลาดในโลกค่อนข้างผันผวน และปรับตัวลดลง ก็มีผลต่อราคาหลังหุ้นจดทะเบียนอย่างแน่นอน ก็ยังเรียนว่าปัจจัยพื้นฐานของหุ้นจดทะเบียน ยังคงมีการเติบโตได้ถึง 10% เมื่อเทียบ 3 ไตรมาสที่ผ่านมาในปี 2560 เน้นย้ำว่าในแง่ของปัจจัยพื้นฐานยังคงเติบโตอยู่ตามสภาวะตลาด
การนำบริษัทเข้ามาจดทะเบียน ไม่ได้มีการตั้งเป้า เพระต้องขึ้นอยู่กับสภาวะหุ้นที่เข้ามาจดทะเบียน มีหุ้นหลายตัวที่อยู่ในความสนใจที่จะเข้ามา ปีนี้คาดว่าน่าจะมีหุ้นใหญ่ๆเข้ามาในตลาดทุนเพิ่มเติม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad