AUTOMATION EXPO 2019’ เน้นประสบการณ์อุตฯ ปักธง EEC พร้อมขยายผลดัน SMEs ทั่วไทยเข้าถึงเทคโนโลยีอัตโนมัติ - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2562

AUTOMATION EXPO 2019’ เน้นประสบการณ์อุตฯ ปักธง EEC พร้อมขยายผลดัน SMEs ทั่วไทยเข้าถึงเทคโนโลยีอัตโนมัติ

‘AUTOMATION EXPO 2019’ เน้นประสบการณ์อุตฯ ปักธง EEC พร้อมขยายผลดัน SMEs ทั่วไทยเข้าถึงเทคโนโลยีอัตโนมัติ



งานแสดงเทคโนโลยีและโซลูชันระบบอัตโนมัติที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกครั้งที่ 2 ปีนี้พบกับสินค้า สําหรับระบบอัตโนมัติ (Automation) มากมาย อาทิ หุ่นยนต์อุตสาหกรรม อุปกรณ์ออโตเมชัน ระบบการควบคุม การผลิต-แรงงาน ระบบคลังสินค้า บาร์โค้ด จากซัพพลายเออร์ชั้นนํากว่า 80 รายที่นําไปจัดแสดงเต็มพื้นที่ กว่า 5,000 ตร.ม. การสัมมนาฟรี 45 หัวข้อจากวิทยากรชั้นนําของเมืองไทย และการสาธิตเชิงปฏิบัติการของ ระบบการผลิตแบบดิจิทัล เตรียมพร้อมยกระดับสู่ SMART FACTORY โดย Automation Expo จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 14-16 มีนาคม 2562 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาตินงนุช พัทยา จ.ชลบุรี
คุณเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานสายงานส่งเสริม และสนับสนุนอุตสาหกรรม กล่าวถึงระบบอัตโนมัติ (Automation) ซึ่งจะมีผลมากยิ่งขึ้นต่อภาคอุตสาหกรรมใน อนาคตว่า “การเกิด Disruptive Technology ในปัจจุบัน ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัว เพิ่ม ประสิทธิภาพในภาคการผลิตและพัฒนากระบวนการผลิต เพื่อยกระดับไปสู่อุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรม โดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนํานวัตกรรมที่ทันสมัย เช่น ระบบอัติโนมัติ (Automation) เข้ามา ใช้ในกระบวนการผลิต พร้อมให้ความสําคัญกับการวิจัยและพัฒนา (R&D) นําเทคโนโลยีด้านสารสนเทศมาช่วยอํานวย ความสะดวกในการดําเนินธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) และการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) อย่างเป็นระบบ จะช่วยให้ธุรกิจก้าวผ่านวิกฤตและเกิดความยั่งยืนได้”
ทั้งนี้ จากผลการสํารวจ CEO Survey จาก “นิด้าโพล” ร่วมกับ “สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย” (ส. อ.ท.) ล่าสุดระบุว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจอีอีซีจะเป็นตัวชูโรงดันเศรษฐกิจ ไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผู้บริหารระดับสูงส่วนใหญ่ถึง 64.55% ฟันธงว่าปัจจัยที่ส่งผลดึงดูดการลงทุนทาง เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมจากนานาชาติเข้ามาในไทย คือ ความคืบหน้าของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ของภาครัฐที่เข้าสู่ช่วงการก่อสร้างมากขึ้น ส่วนแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทยในปี 2562 คือ นโยบายส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
ความคืบหน้าล่าสุดของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอภิมหาโปรเจกที่รัฐบาลตั้งใจจะใช้เป็นแรงดึงดูดเม็ดเงินลงทุนและเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ โดยขณะนี้ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้อนุมัติแผนปฏิบัติการ 8แผนงาน ประกอบด้วย แผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ แผนการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ท่าเรือสัตหีบ และ บริหารโลจิสติกส์ต่อเนื่อง,แผนการพัฒนา 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย,แผนการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเท่ยีว, การพัฒนาศูนย์กลางธุรกิจ และศูนย์กลางการเงิน, แผนการพัฒนาบุคลากร การศึกษา วิจัย และเทคโนโลยี, แผนการ พัฒนาเมืองใหม่ และชุมชน เป็นต้น
นอกจากนี้ยังได้กําหนดโครงการจําเป็นและเร่งด่วนขึ้นมา (ต้องเร่งทําก่อน) เช่น โครงการรถไฟควา มเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา เป็นเมืองการบินภาคตะวันออก โครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะ ที่ 3 โครงการท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 และโครงการรถไฟทางคู่เชื่อม 3 ท่าเรือ รวมถึงการพัฒนาเขตนวัตกรรม ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซีไอ และการพัฒนาเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล หรือ อีอีซีดี ฯลฯ
อย่างไรก็ดี ยังมีการรับรู้ที่ไม่ถูกต้องนักเกี่ยวกับระบบอัตโนมัติและอีอีซี โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กหรือ SME นั่นคือ บางรายคิดว่านี่เป็นเฉพาะเรื่องของธุรกิจในอีอีซีที่จะได้รับผล บาง รายคิดว่าการลงทุนหรือการปรับตัวเป็นเรื่องของ Large Enterprise การลงทุนคือต้องซื้อหุ่นยนต์ราคาหลายล้านโดยไม่รู้จะคืนทุนเมื่อใด หลายรายรอลอกสูตรสําเร็จจากคู่แข่ง หรือหนักหน่อยก็เพียงแต่เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่เศรษฐกิจจะดีขึ้น จะมีออเดอร์ใหม่ ๆ เข้ามาจากต่างประเทศหรือโครงการขนาดใหญ่ ฯลฯ
SME ไทยวันนี้จะมัวแต่รอไม่ได้ ไม่ว่าจะอยู่ในอีอีซีหรือไม่ จะได้รับผลกระทบจากการแข่งขันระหว่างประเทศ หรือยัง แนวคิด Industry 4.0 ของเยอรมนีหรือ Connected Industry ของญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป การ ปรับตัวไม่ใช่แค่เรื่องหุ่นยนต์และสามารถเริ่มได้เร็วกว่าที่คิด
สําหรับการปรับตัวของ SME ไทยที่เราอยากเห็นอาจเป็นได้ด้วยแรงผลักดันต่าง ๆ เช่น การตลาด เทคโนโลยี หรือประสิทธิภาพ
ด้านการตลาด
ให้เริ่มก้าวแรกของการหลุดจากวงจร OEM ให้เร็วที่สุด จะไปในทาง ODM หรือ OBM ก็ได้ ขอแค่เริ่มก้าวแรกเดี๋ยวหนทางจะเกิดแน่นอน ขอเพียงอดทนและให้เวลากับมัน การเดินทางนี้ตอ้ ง เสาอากาศกว้างไกล รู้จักทั้งคู่แข่ง คู่ค้า ลูกค้า และหน่วยงานวิจัยสนับสนุนต่าง ๆ ให้มาก ก็จะช่วยลด ภาระหรือความเสี่ยงในการลงทุนด้านการพัฒนาสินค้าด้วยตัวเอง
ด้านเทคโนโลยี
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการผลิตในยุคใหม่นี้บางอย่างต้องลงทุนเทคโนโลยีจริง ๆ เช่น การผลิต สินค้าที่ Precision สูงมาก ๆ จนเครื่องจักรเดิมไม่อาจรองรับหรือทํามาตรฐานได้ไม่สูงพอ ไปจนถึง ระบบการผลิตที่เครื่องจักรเดิมทําไม่ได้เลย การเดินทางนี้อาจเสี่ยงหน่อยเพราะต้องอาศัยความเร็ว แต่ก็ เป็น High-Risk High-Return เพราะมีโอกาสกําไรและสร้างความได้เปรียบแบบ First-Comer Advantage
ด้านประสิทธิภาพ
เป็นเรื่องที่ควรตัดสินใจลงทุนได้ง่ายที่สุด ซึ่งที่จริงผู้ประกอบการไทยหลายรายทํามา ตลอด โดยเฉพาะ OEM ที่ส่งงานลูกค้าต่างประเทศ เพราะต้องควบคุมต้นทุนให้แข่งขันได้ แต่เมื่อคุมไป ได้แล้วครั้งหนึ่งก็ยังไม่พอยังโดนกดลงอีกทุกปี ๆ แต่สําหรับ SME แทบจะยังไม่มีการปรับใช้วิทยาการ ใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพหรือลดของเสียในการผลิตเลย ยังอาศัยมนุษย์ในงานที่มนุษย์เองก็มี ขีดจํากัดหรือใช้นโยบายรัดเข็มขัดเพียงอย่างเดียว องค์ความรู้ที่เป็นโมเดลการจัดการด้านประสิทธิภาพ นั้นมีมานานแล้วและมีอยู่มากมาย เช่นเรื่องเกี่ยวกับ Lean ซึ่ง SME ไทยต้องนํามาใช้อย่างเป็นระบบเสียที แม้เราจะเล็กแต่ต้องเป็นเล็กพริกขี้หนู SME จะไม่ได้หมายถึงแค่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ย่อม แต่ต้องเป็น Smart Management Enterprise
ผู้ประกอบการต้องลองศึกษาและเลือกว่าประสิทธิภาพด้านใดที่จําเป็นต่อกิจการ เช่น เลือกว่าต้องการ ลดของเสียจากการผลิต ลดเวลาในคลังสินค้าหรือการลําเลียง ลดความเสี่ยงจากการ Turnover ของ คนงาน ลดพลังงาน หรือเลือกเพิ่มความสามารถในการ Monitor การผลิตแบบ Real Time ฯลฯ แง่มุม เหล่านี้สามารถเริ่มได้ไม่ยาก ลงทุนไม่มาก อาจคืนทุนได้ในระยะกลางและคุ้มค่าในระยะยาว
“ขอย้ำว่าผู้ประกอบการไทยต้องเริ่มเรียนรู้ลงทุนเวลากับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เมื่อเข้าใจแล้วต้องกลา้ลงทุน
อย่ารอให้ชัวร์ 100% เพราะคู่แข่งจะแซงไปหมด”
สุดท้าย คุณเกรียงไกรได้กล่าวถึงงาน AUTOMATION EXPO ว่ามีกลยุทธ์ที่น่าสนใจ เลือก Automation Technology เป็น Core ของการจัดงาน ซึ่งยังสามารถต่อยอดได้อีกหลายมิติ อีกทั้งเริ่มต้นด้วย การจับพื้นที่ใหม่ที่อยู่ในกระแส EEC ซึ่งแม้จะไม่ใช่ Center เหมือนในกรุงเทพฯ แต่ด้วยเป้าหมายที่อยากพัฒนา SME ทั่วประเทศก็นับเป็นการเริ่มต้นที่น่าชื่นชม และหวังว่าจะขยายการจัดงานได้ทั้งขนาดและปริมาณในอนาคต เพื่อประเทศไทยเป็นศูนย์กลางระบบอัตโนมัติได้จริง ๆ ในวันหน้า วันนี้เริ่มจากเป็นผู้ใช้ที่เชี่ยวชาญกันก่อน
คุณธีระ กิตติธีรพรชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรีนเวิลด์ พับลิเคชั่น จํากัด ผู้จัดงานAUTOMATION EXPO 2019 เผยถึงคอนเซปต์การจัดงานครั้งนี้ว่า บริษัทฯ ยังคงเห็นถึงโอกาสการเติบโตอีกมหาศาลของเทคโนโลยี ระบบอัตโนมัติซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องหุ่นยนต์เท่านั้น แต่ลงลึกไปในเรื่องการปรับสายการผลิตให้ Lean มีประสิทธิภาพ มุ่ง เผยแพร่องค์ความรู้เชิงประยุกต์ให้แก่ผู้ประกอบการและ System Integrators ที่จะหนุนประเทศไทยให้ต่อยอดจาก การเป็นผู้ใช้เทคโนโลยีสู่การพัฒนาเทคโนโลยี
“เราศึกษาเรื่อง Automation Fair ในประเทศที่พัฒนาแล้ว พบว่ามันเป็นเหมือนแหล่งรวม System Integrators ที่มาพบปะแลกเปลี่ยนความรู้ มันไม่ใช่แค่เรื่องหุ่นยนต์หรือเป็นงานแสดงสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ เทคโนโลยีของชิ้นส่วนเครื่องมือหรือเครื่องจักรนั้นถูกนําเสนอในรูปแบบของ Solutions ใหม่ ๆ ที่ช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพสายการผลิตของอุตสาหกรรมต่าง ๆ”
ผู้ประกอบการมองหา Contents ที่ใช่
งาน Automation Expo มีจุดเด่นแตกต่างจากงานแสดงสินค้าทั่วไป เราบริหารจัดการ Database Marketing เพื่อศึกษาความต้องการและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเป็นรายคนรายบริษัท ทําให้เราจับคู่ความต้องการด้าน สินค้าและหัวข้อความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้เรายังนําเสนอระบบ Interactive Registration ที่ผู้ชมงาน สามารถใช้เป็น Electronic Business Card ได้สะดวกกว่าเคย นอกจากนี้ยังใช้ track การเช็คอินเข้าชมจุดต่าง ๆ ในงาน จึงสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ทั้งผู้ชมงานและผู้แสดงสินค้า แนวคิด Contents x Database Marketing ของ กรีนเวิลด์ฯ จึงทําให้ผู้ร่วมงานอย่างมีความมุ่งหมายทีชัดเจนคาดหวังผลลัพธ์ได้
“การที่เราเริ่มต้นในพื้นที่เฉพาะ และจับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเจาะจงทั้งผู้แสดงสินค้าและผู้ชมงาน แม้จะไม่มี ปริมาณคนมากมาย แต่ทําให้เราโฟกัสการเข้าถึง insight ของแต่ละรายได้อย่างละเอียด ซึ่งแนวทางเหล่านี้เป็นผลมา จากการจัด Business Matching Event และการผลิตสื่ออุตสาหกรรมสิบกว่าปีที่ผ่านมา วงการ B2B อาจไม่หวือหวา เท่า B2C แต่ก็มีขนาดทางเศรษฐกิจที่ใหญ่มหาศาลมาก”
ยังปักหลัก EEC เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ Showcase ใหม่ ๆ
เรายังอยากนําเอาเทคโนโลยีไปนําเสนอให้ใกล้กับผู้ประกอบการหรือแหล่งอุตสาหกรรมในต่างจังหวัด จากข้อมูลที่ผ่านมาเราพบว่ากลุ่มเป้าหมายให้ความสนใจอย่างยิ่งกับการจัดงานในพื้นที่ เพราะแม้วันนี้การเดินทางจะ สะดวกขึ้นประกอบกับช่องทางการสื่อสารออนไลน์ก็เร็วขึ้น แต่การได้สัมผัสได้พูดคุยต่อหน้ายังมีความสําคัญต่อการ สร้างแรงบันดาลใจและการตัดสนิใจทั้งนี้เรายังเป็นผู้นําสื่อออนไลน์ด้านอุตสาหกรรมที่มีการผลิต Contents และรีวิว ต่าง ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีการผลิตมาโดยตลอดจึงสามารถวัด Feedback และตอบสนองความสนใจของนัก อุตสาหกรรมได้ดียิ่งขึ้น ปัจจุบันเวบไซต์ mmthailand.com (Modern Manufacturing) มี Traffic เป็นอันดับหนึ่ง ด้วยยอด Pageview กว่า 300,000 views/เดือน และมี SEO ที่ดีมาก ๆ (bounce rate ไม่เกิน 4%)
“สื่อออนไลน์จะไม่เข้ามาแทนที่สื่ออีเวนท์ จะเห็นได้ว่าสื่อออนไลน์พยายามพัฒนาเทคโนโลยีที่จําลอง ประสบการณ์ของสื่ออีเวนท์หรือ human touch ให้สมจริงที่สุดต่างหาก ดังนั้น กรีนเวิลด์จึงมุ่งพัฒนา Omni Channel คือผสาน Online-to-Offline ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด โดยในงาน Automation Expo 2019 ครั้งนี้ เราจัดเตรียม Showcase ดี ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์และวิสัยทัศน์แก่ผู้ประกอบการ เรากําลังจะ ได้ระบบ Warehouse จากบริษัทระดับโลกมาจําลองให้เห็นการทํางานการเคลื่อนไหวแบบเหมือนจริง และไฮไลท์ของ เราคือโซน iN-EXPERIENCE ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการ ผู้จัดการโรงงาน วิศวกร ได้สัมผัสประสบการณ์และเห็นภาพของ การประยุกต์ใช้ Automation และ Digital Manufacturing ในส่วนต่าง ๆ ของอุตสาหกรรมแบบบูรณาการ ตั้งแต่ การออกแบบ การผลิต การควบคุม การซ่อมบํารุง การฝึกอบรม ระบบคลังสินค้าอัจฉริยะ ที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่ม ประสิทธิภาพได้จริง”
เดินหน้าพัฒนา Marketplace & Media Platform สินค้าอุตสาหกรรม
“ในแพลตฟอร์มของเรา นักอุตสาหกรรมจะได้รับความรู้ที่ตรงความต้องการ เข้าถึงเทคโนโลยีที่ใช้ได้จริงกลุ่ม Suppliers ก็สามารถจําหน่ายเครื่องมือเครื่องจักรอุตสาหกรรมได้อย่างตรงเป้ารวดเร็ว เป็นวงจรคุณค่าแบบ Win-Win-Win เพราะการพัฒนาอุตสาหกรรมคงปฏิเสธการลงทุนใหม่ ๆ ไม่ได้ สําหรับในงาน Automation Expo 2019 นี้ เราเป็นผู้จัดรายแรกที่กล้าเสนอ แคมเปญ Cash Back สําหรับการสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมสูงสุดถึง 2% ที่ผ่านมาเราเข้าใจดีว่าสินค้าสําหรับโรงงานหรือเครื่องจักรต้องอาศัยเวลาในการตัดสินใจ แคมเปญนี้จึงครอบคลุม ตั้งแต่ช่วงก่อนงาน-จนถึงหลังงานประมาณ 4 เดือน นี่เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ฝั่ง Marketing ที่เราทําเพื่อกระตุ้นการซื้อ-ขาย และคืนกําไรแก่ผู้ประกอบการ” สุดท้ายนี้จึงอยากเชิญชวนผู้ประกอบการ วิศวกร Start-up ในพื้นที่ EEC และจังหวัดใกล้เคียง ร่วมเข้าชม เทคโนโลยีและงานสัมมนาดี ๆ ที่ให้ความรู้ด้าน Automation การลงทุน และเพิ่มผลผลิต เรายังคงมีสัมมนา FREE ที่ มีการปรับเสริมจากปีที่ผ่านมากว่า 45 หัวข้อจากกูรูชั้นนําด้านอุตสาหกรรมของประเทศไทย อาทิ สถาบันไทย- เยอรมัน สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม สํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ฯลฯ สามารถติดตามและลงทะเบียนได้ทางwww.automation-expo.asia

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad