“พาณิชย์”แนะผู้ประกอบการไทย รุกตลาดออนไลน์เมียนมา หลังมีแนวโน้มโตแรง - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

“พาณิชย์”แนะผู้ประกอบการไทย รุกตลาดออนไลน์เมียนมา หลังมีแนวโน้มโตแรง

img

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) แนะผู้ประกอบการไทยรุกตลาดออนไลน์เมียนมา หลังพบชาวเมียนมากว่า 41% หันมาใช้สื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียในชีวิตประจำวันเพิ่มมากขึ้น แถมยังโตต่อเนื่อง เผยการซื้อขายผ่านเฟซบุ๊กมาแรง ตามด้วยเว็บไซต์ออนไลน์ ส่วนการซื้ออาหารผ่านแอปฯ ก็เริ่มเติบโต ระบุเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยไม่ควรมองข้าม

นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมฯ ได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ถึงแนวโน้มการใช้สื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียในชีวิตประจำวัน โดยพบว่าปัจจุบันชาวเมียนมา มีการใช้งานเพิ่มมากขึ้น มีจำนวนผู้ใช้โซเชียลมีเดียกว่า 22 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 41 ของจำนวนประชากรทั้งหมดของเมียนมาที่มี 54 ล้านคน โดยมีประชากรเป็นวัยแรงงานอายุระหว่าง 15-64 ปี คิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 67 ซึ่งนับว่าเป็นช่วงอายุที่มีโอกาสจะใช้โซเชียลมีเดีย และซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านออนไลน์แพลตฟอร์มต่างๆ ได้ โดยประชากรส่วนใหญ่ที่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้นั้นจะอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ เช่น ย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ และเนปิดอว์ เป็นต้น

ทั้งนี้ ผลจากการเติบโตของการใช้สื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียของชาวเมียนมา ทำให้เป็นโอกาสของผู้ผลิต ผู้ส่งออกของไทย ที่จะต้องพิจารณาใช้ช่องทางเหล่านี้ในการขยายตลาดส่งออกให้กับสินค้าไทย เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น และหากไทยวางแผนเข้าสู่ตลาดได้เร็ว ก็จะสร้างโอกาสได้เร็วเช่นเดียวกัน

นายธนวุฒิ นัยโกวิท ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงย่างกุ้ง กล่าวว่า เมียนมามีช่องทางการค้าออนไลน์ 5 อันดับได้รับความนิยม ได้แก่ Facebook , Shop.com.mm , Barlolo.com , Spree.com.mm และ Baganmart.com และพบว่า ชาวเมียนมามีการค้าขายสินค้าผ่านทาง Facebook และใช้วิธีเก็บเงินปลายทางเป็นส่วนใหญ่ โดยในปี 2562 มีผู้ที่ซื้อสินค้าออนไลน์ (Active Online Buyers) ประมาณ 180,000 คน มูลค่าการซื้อสินค้าเฉลี่ยประมาณ 20 เหรียญสหรัฐต่อครั้ง โดย 5 อันดับสินค้าที่นิยมซื้อออนไลน์จากต่างประเทศ ได้แก่ สินค้าแฟชั่น (เสื้อผ้า รองเท้า หมวก กระเป๋า) เครื่องสำอาง ตั๋วรถยนต์ เครื่องบิน รถไฟ หนังสือ เครื่องดื่มและอาหาร ตามลำดับ

นอกจากนี้ ยังพบว่าจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้มีการใช้อินเทอร์เน็ตสูงขึ้น และมีการซื้อสินค้าออนไลน์ และใช้แอปพลิเคชันจัดส่งอาหารมากขึ้น ทำให้ธุรกิจให้บริการสั่งซื้อและจัดส่งอาหารผ่านออนไลน์เติบโต โดยมีแพลตฟอร์มที่สำคัญ เช่น Yangon Door2Door , Food Panda , Grab Food , Food2U , Hi-So เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ชาวเมียนมายังเป็นสังคมที่พึ่งพาการใช้เงินสด ทำให้การเติบโตของการค้าออนไลน์ยังเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่มีบัญชีธนาคาร Online Banking รวมถึงบัตรเครดิต ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมการค้าออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพ แต่ชาวเมียนมาเริ่มหันมาใช้ระบบ E-Wallet และ Mobile Money เช่น Wave Money , OK Dollar และ True Money เพื่อชำระเงินออนไลน์ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่มากขึ้น จึงอาจช่วยส่งเสริมธุรกิจอีคอมเมิร์ช ให้เติบโตขึ้นในอนาคต จึงถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย ที่จะต้องพิจารณาการเข้าสู่ตลาดผ่านช่องทางออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad