2019 Sustainability Awards Winners โดย Carpets Inter บริษัทของคนไทย
เชื่อว่าตอนนี้ไม่มีคนไทยคนไหนที่ไม่รู้จักพะยูนอีกแล้ว คนไทยได้ใกล้ชิดและเรียนรู้เกี่ยวกับพะยูนมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผ่านเรื่องราวของมาเรียมและยามีล ลูกพะยูนกำพร้าเพศเมียและเพศผู้ที่ได้รับการอนุบาลอย่างใกล้ชิดโดยทีมสัตวแพทย์ นักวิชาการ ชาวบ้านและอาสาสมัครกว่าร้อยชีวิต สิ่งที่น่าเสียใจที่สุดต่อการจากไปของมาเรียมก็คือการกินขยะพลาสติกเข้าไปจนทำให้เกิดการติดเชื้อตาย
ขยะเหล่านี้มาจากไหน คำตอบคือมาจากใครก็ได้ ขยะพลาสติกเกิดจากการกินดื่มใช้ชีวิตประจำวันและระบบการคัดแยกขยะของไทยมีปัญหา ทำให้ขยะจำนวนมาก รวมถึงขยะพลาสติก หลุดเข้าสู่แหล่งน้ำสาธารณะ คูคลอง และออกสู่ทะเลในที่สุด
รศ.ดร. สุชนา ชวนิชย์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ให้ข้อมูลกับบีบีซีไทยเกี่ยวกับงานวิจัยเรื่องการพบไมโครพลาสติกในสัตว์ทะเลว่า "ไมโครพลาสติกสะสมในสัตว์หลายชนิด ทั้งเต่าทะเล กุ้ง หอย แม้แต่ปะการังเองก็ยังพบ มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของสัตว์ที่เราเจอ มีการสะสมของไมโครพลาสติก"
ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษและประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า เรื่องไมโครพลาสติกกำลังดัง เมื่อศูนย์วิจัยอุทยานพบไมโครพลาสติกในปลาทูเฉลี่ย 78 ชิ้น/ตัว ปลาบางชนิดกินแพลงก์ตอนในน้ำ ก็กินไมโครพลาสติกเข้าไปด้วย จากนั้นก็ไปอยู่ในท้อง บางส่วนสลายตัวกลายเป็นนาโนพลาสติก อาจเข้าสู่กระแสเลือดและเนื้อเยื่อปลาได้ เรากินสัตว์น้ำเหล่านี้เข้าไป อาจเป็นสาเหตุเสี่ยงต่อหลายโรค ตามที่องค์การอนามัยโลกเคยเตือนไว้
ดูจากสถิติจะพบว่า ประเทศที่ประสบปัญหาขยะในทะเลมากที่สุดคือประเทศจีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ศรีลังกา อียิปต์ ไทย มาเลเซีย ไนจีเรีย บังกลาเทศ บราซิล และสหรัฐ นับเป็นความท้าทายระดับโลก และต้องการแรงสนับสนุนจากทั่วโลก
Carpets Inter ผู้นำด้านการผลิตและจัดจำหน่ายพรมแผ่น ได้เข้าไปมีส่วนรวมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมย้อนหลังไปครั้งแรกตั้งแต่ 14 ปีที่แล้วในการคิดค้นและนำเสนอวัสดุรองพรมแผ่นชื่อว่า EcoSoft(R) ซึ่งผลิตจากขวดน้ำดื่มพลาสติกที่ใช้แล้ว ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกว่า ขยะและเศษพลาสติกเหล่านี้ คือตัวการสำคัญในการคร่าชีวิตของสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลนับล้านตัวในแต่ละปี ทั้งนี้ขยะขวดพลาสติกคือสาเหตุหลักเพราะในทุกนาทีที่ผ่านไป มีการซื้อขายขวดพลาสติกกันทั่วโลกเป็นตัวเลขสูงถึงเกือบ 1 ล้านขวด
บริษัทได้ประกาศจุดมุ่งหมายในการที่จะรีไซเคิลขยะขวดพลาสติกเหล่านี้ให้ได้ 1 พันล้านขวดในปี 2025 ซึ่งในปัจจุบันทางบริษัทได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในการรีไซเคิลขยะขวดพลาสติกใช้แล้วนี้มากกว่า 7 ร้อยล้านขวด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา คาร์เปท อินเตอร์ เพิ่งได้รับรางวัล 2019 Sustainability Awards ที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งผลิตภัณฑ์พรมแผ่น EcoSoft(R) ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่งจากการคัดเลือกจากสินค้าประเภทต่างๆทั้งสิ้น 35 รายการ โดยได้รับคะแนนโหวตจากสถาปนิก ดีไซเนอร์ นักวิชาการ และผู้นำด้านสิ่งแวดล้อมมากกว่า 350 คน จึงนับเป็นความภาคภูมิใจของบริษัทคนไทยที่ได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่นี้ที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งถือเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญในเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม และเป็นผู้นำด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในระดับโลก
นอกจากนี้ คาร์เปท อินเตอร์ ยังมีการทำโปรแกรมที่เรียกว่า Zero Landfill เพื่อเปลี่ยนขยะฝังกลบที่เหลือใช้จากกระบวนการผลิตให้เป็นศูนย์ โดยการนำมารีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ เช่น โครงการนำตะกอนจากกระบวนการบำบัดน้ำเสียมาผลิตเป็นปุ๋ยเพื่อใช้ในไร่สัปปะรด ไร่อ้อย และไร่มันสัมปะหลัง โดยในแต่ละปีมีปริมาณการรีไซเคิลมากกว่า 2 แสนกิโลกรัมต่อปี, โครงการนำพรมที่ใช้แล้ว และเศษวัตถุดิบจากกระบวนการผลิตมาใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อใช้ในเตาเผาผลิตปูนซีเมนต์ โดยในแต่ละปีมีปริมาณการรีไซเคิลมากกว่า 5 แสนกิโลกรัมต่อปี, นอกจากนี้ ยังมีโครงการนำเศษไหม ตาข่ายรองพรม ผ้าทอ มาแปรสภาพเป็น RDF หรือเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า โดยในแต่ละปีสามารถนำมาผลิตเป็นปริมาณกระแสไฟฟ้าได้หลายแสนกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง
ทั้งนี้ มีองค์กรระดับโลกชื่อว่า The Ocean Cleanup ซึ่งมีเป้าหมายในการกำจัดขยะพลาสติกในมหาสมุทร โดยวิธีการของเค้าคือการนำพลังงานธรรมชาติ ซึ่งก็คือกระแสน้ำของโลกมาเป็นแรงในการขับเคลื่อนอุปกรณ์พิเศษที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อออกไปเก็บขยะพลาสติกที่มีอยู่ในมหาสมุทรทั่วโลก พรม Upstream คอลเลกชั่น ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอกย้ำและช่วยพลักดันภารกิจพิเศษของ The Ocean Cleanup ในการกำจัดขยะพลาสติกในมหาสมุทร ซึ่งคาร์เปท อินเตอร์ มีเป้าหมายในการบริจาครายได้ส่วนหนึ่งจากการขายพรมแผ่น EcoSoft(R) Upstream คอลเลกชั่น ให้กับ The Ocean Cleanup เพื่อสนับสนุนเป้าหมายในการกำจัดขยะพลาสติกจากมหาสมุทรของพวกเค้า
https://carpetsinter.com/2019-winners
ขยะเหล่านี้มาจากไหน คำตอบคือมาจากใครก็ได้ ขยะพลาสติกเกิดจากการกินดื่มใช้ชีวิตประจำวันและระบบการคัดแยกขยะของไทยมีปัญหา ทำให้ขยะจำนวนมาก รวมถึงขยะพลาสติก หลุดเข้าสู่แหล่งน้ำสาธารณะ คูคลอง และออกสู่ทะเลในที่สุด
รศ.ดร. สุชนา ชวนิชย์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ให้ข้อมูลกับบีบีซีไทยเกี่ยวกับงานวิจัยเรื่องการพบไมโครพลาสติกในสัตว์ทะเลว่า "ไมโครพลาสติกสะสมในสัตว์หลายชนิด ทั้งเต่าทะเล กุ้ง หอย แม้แต่ปะการังเองก็ยังพบ มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของสัตว์ที่เราเจอ มีการสะสมของไมโครพลาสติก"
ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษและประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า เรื่องไมโครพลาสติกกำลังดัง เมื่อศูนย์วิจัยอุทยานพบไมโครพลาสติกในปลาทูเฉลี่ย 78 ชิ้น/ตัว ปลาบางชนิดกินแพลงก์ตอนในน้ำ ก็กินไมโครพลาสติกเข้าไปด้วย จากนั้นก็ไปอยู่ในท้อง บางส่วนสลายตัวกลายเป็นนาโนพลาสติก อาจเข้าสู่กระแสเลือดและเนื้อเยื่อปลาได้ เรากินสัตว์น้ำเหล่านี้เข้าไป อาจเป็นสาเหตุเสี่ยงต่อหลายโรค ตามที่องค์การอนามัยโลกเคยเตือนไว้
ดูจากสถิติจะพบว่า ประเทศที่ประสบปัญหาขยะในทะเลมากที่สุดคือประเทศจีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ศรีลังกา อียิปต์ ไทย มาเลเซีย ไนจีเรีย บังกลาเทศ บราซิล และสหรัฐ นับเป็นความท้าทายระดับโลก และต้องการแรงสนับสนุนจากทั่วโลก
Carpets Inter ผู้นำด้านการผลิตและจัดจำหน่ายพรมแผ่น ได้เข้าไปมีส่วนรวมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมย้อนหลังไปครั้งแรกตั้งแต่ 14 ปีที่แล้วในการคิดค้นและนำเสนอวัสดุรองพรมแผ่นชื่อว่า EcoSoft(R) ซึ่งผลิตจากขวดน้ำดื่มพลาสติกที่ใช้แล้ว ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกว่า ขยะและเศษพลาสติกเหล่านี้ คือตัวการสำคัญในการคร่าชีวิตของสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลนับล้านตัวในแต่ละปี ทั้งนี้ขยะขวดพลาสติกคือสาเหตุหลักเพราะในทุกนาทีที่ผ่านไป มีการซื้อขายขวดพลาสติกกันทั่วโลกเป็นตัวเลขสูงถึงเกือบ 1 ล้านขวด
บริษัทได้ประกาศจุดมุ่งหมายในการที่จะรีไซเคิลขยะขวดพลาสติกเหล่านี้ให้ได้ 1 พันล้านขวดในปี 2025 ซึ่งในปัจจุบันทางบริษัทได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในการรีไซเคิลขยะขวดพลาสติกใช้แล้วนี้มากกว่า 7 ร้อยล้านขวด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา คาร์เปท อินเตอร์ เพิ่งได้รับรางวัล 2019 Sustainability Awards ที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งผลิตภัณฑ์พรมแผ่น EcoSoft(R) ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่งจากการคัดเลือกจากสินค้าประเภทต่างๆทั้งสิ้น 35 รายการ โดยได้รับคะแนนโหวตจากสถาปนิก ดีไซเนอร์ นักวิชาการ และผู้นำด้านสิ่งแวดล้อมมากกว่า 350 คน จึงนับเป็นความภาคภูมิใจของบริษัทคนไทยที่ได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่นี้ที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งถือเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญในเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม และเป็นผู้นำด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในระดับโลก
นอกจากนี้ คาร์เปท อินเตอร์ ยังมีการทำโปรแกรมที่เรียกว่า Zero Landfill เพื่อเปลี่ยนขยะฝังกลบที่เหลือใช้จากกระบวนการผลิตให้เป็นศูนย์ โดยการนำมารีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ เช่น โครงการนำตะกอนจากกระบวนการบำบัดน้ำเสียมาผลิตเป็นปุ๋ยเพื่อใช้ในไร่สัปปะรด ไร่อ้อย และไร่มันสัมปะหลัง โดยในแต่ละปีมีปริมาณการรีไซเคิลมากกว่า 2 แสนกิโลกรัมต่อปี, โครงการนำพรมที่ใช้แล้ว และเศษวัตถุดิบจากกระบวนการผลิตมาใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อใช้ในเตาเผาผลิตปูนซีเมนต์ โดยในแต่ละปีมีปริมาณการรีไซเคิลมากกว่า 5 แสนกิโลกรัมต่อปี, นอกจากนี้ ยังมีโครงการนำเศษไหม ตาข่ายรองพรม ผ้าทอ มาแปรสภาพเป็น RDF หรือเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า โดยในแต่ละปีสามารถนำมาผลิตเป็นปริมาณกระแสไฟฟ้าได้หลายแสนกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง
ทั้งนี้ มีองค์กรระดับโลกชื่อว่า The Ocean Cleanup ซึ่งมีเป้าหมายในการกำจัดขยะพลาสติกในมหาสมุทร โดยวิธีการของเค้าคือการนำพลังงานธรรมชาติ ซึ่งก็คือกระแสน้ำของโลกมาเป็นแรงในการขับเคลื่อนอุปกรณ์พิเศษที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อออกไปเก็บขยะพลาสติกที่มีอยู่ในมหาสมุทรทั่วโลก พรม Upstream คอลเลกชั่น ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอกย้ำและช่วยพลักดันภารกิจพิเศษของ The Ocean Cleanup ในการกำจัดขยะพลาสติกในมหาสมุทร ซึ่งคาร์เปท อินเตอร์ มีเป้าหมายในการบริจาครายได้ส่วนหนึ่งจากการขายพรมแผ่น EcoSoft(R) Upstream คอลเลกชั่น ให้กับ The Ocean Cleanup เพื่อสนับสนุนเป้าหมายในการกำจัดขยะพลาสติกจากมหาสมุทรของพวกเค้า
https://carpetsinter.com/2019-winners
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น