“จุรินทร์”ถกเวียดนาม แก้สินค้าติดขัดที่ด่าน ผ่อนขึ้นทะเบียนยา ภาษีน้ำตาล ส่งออกสุกร - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2564

“จุรินทร์”ถกเวียดนาม แก้สินค้าติดขัดที่ด่าน ผ่อนขึ้นทะเบียนยา ภาษีน้ำตาล ส่งออกสุกร

img

“จุรินทร์”ใช้โอกาสทูตเวียนดนามเข้าพบ หารือแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้า ขอช่วยอำนวยความสะดวกสินค้าผ่านด่านไปจีน ผ่อนคลายกฎระเบียบขึ้นทะเบียนยา ขึ้นภาษีน้ำตาล และเปิดทางส่งออกสุกร ส่วนเวียดนามหนุนแนวคิดไทยที่เสนอในเวทีเอเปกใช้ CL วัคซีน พร้อมนัดประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า ส.ค.นี้ ตั้งเป้าเพิ่มการค้า 2 ฝ่ายเป็น 7.5 แสนล้านบาท   
         
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังนาย ฟาน จี๊ ทัญ เอกอัครราชทูตแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ประจําประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ ที่กระทรวงพาณิชย์ ว่า ไทยได้ใช้โอกาสนี้ ขอให้เวียดนามช่วยแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าที่มีอยู่ เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน โดยขอให้ช่วยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับด่านเพื่ออำนวยความสะดวกสินค้าไทยผ่านเวียดนามไปจีน เพราะประสบปัญหาการจราจรติดขัด โดยเฉพาะด่านเวียดนาม ที่จะผ่านไปด่านโหย่วอี้กวนของจีน
         
ทั้งนี้ ยังได้ขอให้เวียดนามผ่อนคลายกฎระเบียบหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนยา ที่มีความซับซ้อน ให้เป็นมาตรฐานอาเซียนหรือองค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่อช่วยการส่งออกยาไปเวียดนาม เพราะเอกชนผู้ผลิตยาไทยได้ให้ข้อมูลมาที่กระทรวงพาณิชย์ และขอให้ช่วยเหลือ ส่วนเรื่องน้ำตาล ขอให้พิจารณาผ่อนคลายมาตรการให้เป็นไปตามกรอบองค์การการค้าโลก (WTO) หลังมีการขึ้นภาษี โดยใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (เอดี/ซีวีดี) ทำให้ภาษีเพิ่มขึ้น โดยเก็บภาษีเอดี 46% และภาษีซีวีดี 5% รวมเป็น 51% และกรณีสุกร ขอให้ช่วยประสานทางการเวียดนามให้ผ่อนคลายมาตรการ เพื่อให้สุกรคุณภาพจากไทยส่งออกไปเวียดนามได้สะดวก โดยยืนยันว่าไทยเข้มงวดเรื่องสุขอนามัยและการส่งออกมาก และมีการตรวจสอบทุกล็อต
         
นอกจากนี้ ขอให้ช่วยประชาสัมพันธ์งานจับคู่ธุรกิจออนไลน์ระหว่างไทย-เวียดนาม ที่ไทยกำหนดจัดขึ้นในช่วงวันที่ 4-5 ส.ค.2564 เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน  
         
นายจุรินทร์กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่ทูตเวียดนามนำมาหารือ คือ ปีนี้ ประเทศไทยต้องเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมการค้า (JTC) ไทย-เวียดนาม แต่ติดสถานการณ์โควิด-19 จึงได้ข้อสรุปร่วมกันว่าควรจะจัดในเดือนส.ค.2564 และท่านทูตยังได้สนับสนุนความเห็นของตนที่ให้ความเห็นในการประชุมเอเปก ในประเด็นที่ไทยสนับสนุนให้ประเทศต่างๆ สามารถใช้สิทธิในการผลิตวัคซีน โดยเหตุผลสุขอนามัยของประชาชน หรือที่เรียกว่า CL วัคซีน หรือการใช้มาตรการทริปส์ ที่ให้ถือว่าวัคซีนปลอดการบังคับใช้สิทธิบัตรชั่วคราว เพื่อเปิดโอกาสให้ประเทศต่างๆ สามารถผลิตวัคซีนได้ จะได้กระจายวัคซีนไปทั่วโลก ทั้งประเทศด้อยพัฒนาและกำลังพัฒนา
         
“ท่านทูตเวียดนามสนับสนุนความเห็นของผมเรื่องนี้ และขณะนี้ ประเทศไทย มีโรงงานผลิตวัคซีนเอง คือ สยามไบโอไซเอนซ์ ถ้ามาตรการทั้งสองอันนี้บังคับใช้ได้ เรามีโอกาสในการช่วยผลิตวัคซีนและส่งออกไปยังกลุ่มประเทศที่ต้องการ โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียนของเราและเวียดนามได้ด้วย”นายจุรินทร์กล่าว
         
ไทยและเวียดนาม ได้ตั้งเป้าเพิ่มมูลค้าระหว่างกันจากปัจจุบัน 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 500,000 ล้านบาท เป็น 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 750,000 ล้านบาท โดยมอบหมายเจ้าหน้าที่อาวุโสทั้ง 2 ประเทศ หารือกันว่าจะต้องใช้เวลากี่ปี และนำมาหารือร่วมกันในการประชุม JTC ในเดือนส.ค.2564 ต่อไป ส่วนการค้าไทย-เวียดนามในปี 2563 ที่ผ่านมา มีมูลค่า ได้ 517,524 ล้านบาท โดยไทยส่งออกไปเวียดนาม 346,063 ล้านบาท ซึ่งเวียดนามถือคู่ค้าอันดับ 6 ของไทยในโลก และเป็นลำดับ 3 ในอาเซียน และในช่วง 4 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-เม.ย.) การค้าไทย-เวียดนาม เพิ่มขึ้นถึง 20% สินค้าที่ไทยส่งออกไปเวียดนาม ส่วนมากเป็นรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ และสินค้าที่เวียดนามส่งมาไทย เช่น โทรศัพท์มือถือ น้ำมันดิบ เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad