“จุรินทร์”หารือเอกอัครราชทูตจีน ขอให้ประสานเปิดด่านเพิ่มอีก 2 ด่าน ที่ปิดไปช่วงโควิด-19 ทั้งด่านโมฮาน และเส้นทางผ่านแม่น้ำโขง ที่ไปเข้ายูนนาน ตอนใต้ และอนุญาตให้นำเข้าผลไม้ไทยผ่านด่านได้ด้วย พร้อมขอให้เร่งตรวจโรงงานไก่ เพิ่มรายการนำเข้าไก่ ตรวจโรงงานรังนก และนำเข้าข้าวตาม MoU ที่ได้ตกลงกันให้ครบถ้วน เล็งนัดประชุม JC โดยเร็ว ขยายร่วมมือการค้า ลงทุน ความร่วมมือเศรษฐกิจ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ขอเข้าเยี่ยมคารวะ เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง ณ ห้องรับรองชั้น 11 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ว่า ได้หารือขอให้จีนเปิดด่าน 2 ด่าน ที่ปิดไปในช่วงโควิด-19 คือ 1.ด่านโมฮาน ที่เป็นด่านทางบก เริ่มต้นจากเชียงของ ทางเหนือของไทย ผ่านบ่อเต็นไปเข้าจีนทางยูนนาน ตอนใต้ 2.เส้นทางผ่านแม่น้ำโขง จากท่าเรือเชียงแสนของไทยไปเข้ายูนนาน ตอนใต้ของจีน ที่ด่านกวนเหล่ย หรือท่าเรือกวนเหล่ยโดยอยากให้เร่งกลับมาเปิดโดยเร็ว
ทั้งนี้ ยังได้ขอเพิ่มเงื่อนไข คือ 1.สำหรับด่านกวนเหล่ย ขอให้จีนอนุญาตนำเข้าผลไม้จากไทยผ่านด่านได้ด้วย 2.การนำเข้าไก่จากไทย โดยไทยมีโรงงานส่งออกไก่ไปจีน 22 โรง แต่ปิดไป 9 โรง ช่วงโควิด-19 ขณะนี้สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายแล้ว ขอให้ท่านทูตช่วยแจ้งให้ GACC หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับศุลกากร ที่มีหน้าที่มาตรวจโรงงานผลิตไก่ในไทย เพื่ออนุญาตให้นำเข้าจีนได้ต่อไป โดยขอเร่งตรวจโรงงานส่งออกไก่ 9 โรงงาน ผ่านระบบออนไลน์ รวมทั้งขอให้จีนเพิ่มรายการนำเข้าไก่ในส่วนที่ยังไม่อนุญาต เช่น ไก่ทั้งตัวรวมหัว สะบักไก่ ข้อไก่ รวมทั้งเป็ด เป็นต้น
ขณะเดียวกัน เรื่องการนำเข้ารังนกจากไทย ปัจจุบันจีนนำเข้าจากไทยแค่ 2 บริษัท ยังมีอีก 9 ราย ที่ขออนุญาตจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อยู่ ขอให้จีนเร่งมาตรวจโรงงานเพิ่ม เพื่อจะได้ส่งออกรังนกไปจีนได้เพิ่มขึ้น และเรื่องข้าว ซึ่งจีนกับไทยมี MoU อยู่ 1 ล้านตัน ซึ่งจีนได้นำเข้าแล้ว 7.2 แสนตัน ค้างอยู่อีก 2.8 แสนตัน จึงขอรบกวนท่านทูตช่วยแจ้งคอฟโก้ ซึ่งเป็นองค์กรนำเข้าข้าวของจีนให้เร่งดำเนินการให้ครบถ้วนตาม MoU ต่อไป
นายจุรินทร์กล่าวว่า สำหรับประเด็นอื่น ๆ ที่ได้มีการหารือ และเห็นตรงกัน คือ ไทยและจีน ต้องการจัดการประชุม JC หรือคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกัน โดยจะเร่งจัดขึ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อประโยชน์ทางการค้าการลงทุนและความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน , ไทยและจีนต้องการเร่งให้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) มีผลบังคับใช้ ซึ่งต้องมีสมาชิกอาเซียน 6 ประเทศเป็นอย่างน้อยให้สัตยาบัน และสมาชิกนอกอาเซียนอย่างน้อย 3 ประเทศให้สัตยาบัน ซึ่งไทยได้ยื่นให้สัตยาบันไปแล้วเมื่อวันที่ 28 ต.ค.2564 ที่ผ่านมา และจะร่วมมือกันเร่งรัดให้ข้อตกลง RCEP มีผลบังคับโดยเร็ว เพื่อประโยชน์ของประเทศสมาชิกทั้ง 15 ประเทศ
นอกจากนี้ ไทยและจีนจะร่วมมือกันในการเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระหว่างกัน รวมทั้งเรื่องของรถไฟความเร็วสูง ซึ่งท่านทูตจีนได้แจ้งว่ารถไฟจากจีนไปลาวเปิดให้บริการแล้ว และจะร่วมมือกับไทยในการเร่งสร้างรถไฟความเร็วสูง เส้นทางที่จะเชื่อมลาวเพื่อให้ระบบการขนส่งสินค้าเข้าออกระหว่างกัน มีความคล่องตัวและเพิ่มมูลค่าได้มากขึ้นโดยเร็ว และไทยกับจีน จะร่วมมือกันในการนำเข้าส่งออกสินค้าระหว่างกัน โดยท่านทูตแจ้งว่ายินดีให้ความร่วมมือในการนำเข้าสินค้าเกษตรจากไทย พร้อมอำนวยความสะดวกสินค้าอื่น ๆ ด้วย
สำหรับความสัมพันธ์ไทย-จีน มีมาต่อเนื่องยาวนาน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างกัน มีพัฒนาการมาเป็นลำดับ ตัวเลขล่าสุด ปี 2563 ไทยกับจีน มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 2.49 ล้านล้านบาท หรือเกือบ 80,000 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับช่วง 9 เดือนปี 2564 (ม.ค.-ก.ย.) มูลค่าการค้าสูงกว่าปี 2563 เยอะมาก ทำไปแล้ว 2.41 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เฉพาะตัวเลขการส่งออกของไทยไปจีน 878,280 ล้านบาท เพิ่ม 27%
วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564
“จุรินทร์”ถกทูตจีน ประสานเร่งเปิด 2 ด่าน พร้อมดันส่งออก “ไก่-รังนก-ข้าว”
Tags
# เศรษฐกิจมหภาค
# ส่งออก
Share This
About preecha binmanoch
ส่งออก
ป้ายกำกับ:
เศรษฐกิจมหภาค,
ส่งออก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
Author Details
Templatesyard is a blogger resources site is a provider of high quality blogger template with premium looking layout and robust design. The main mission of templatesyard is to provide the best quality blogger templates which are professionally designed and perfectlly seo optimized to deliver best result for your blog.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น