มอบโอกาสให้เยาวชนที่ยากไร้ด้วยการส่งเสริมโอกาสทางการศึกษากับมูลนิธิ EDF - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

มอบโอกาสให้เยาวชนที่ยากไร้ด้วยการส่งเสริมโอกาสทางการศึกษากับมูลนิธิ EDF

มอบโอกาสให้เยาวชนที่ยากไร้ด้วยการส่งเสริมโอกาสทางการศึกษากับมูลนิธิ EDF  

ว่ากันว่าคนเราอาจจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่ก็สามารถเลือกทางเดิน เลือกอนาคตของตนเองได้หากได้รับโอกาส และการได้รับการศึกษาก็เป็นหนึ่งในโอกาสที่จะสามารถให้นักเรียนไทยที่ยากไร้สามารถมีอนาคตที่สดใสได้ และพวกเขาอาจจะส่งมอบโอกาสที่ตนเองเคยได้รับในวัยเด็กต่อไปยังเยาวชนคนยากไร้อื่น ๆ ในอนาคตด้วย ซึ่งในปีการศึกษา 2564 ที่จะเปิดเรียนในเดือนพฤษภาคม 2564 นี้มีนักเรียนที่ยากไร้รอรับทุนในโครงการทุนการศึกษาของมูลนิธิ EDF (มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา) ซึ่งจะปิดรับทุน 30 มิถุนายน ศกนี้5,479 คน

ขวัญชัยในวัย 12 ขวบ และปัจจุบันกำลังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในโรงเรียนที่จังหวัดนครพนมเล่าว่า “ผมกำพร้าพ่อตั้งแต่แม่ยังไม่คลอดผม เพราะพ่อเสียชีวิตกะทันหัน หลังจากนั้นแม่ได้แต่งงานใหม่ ครอบครัวของเรามีฐานะยากจนและอาศัยอยู่ในบ้านที่สร้างจากเศษวัสดุเหลือใช้ เวลาฝนตกน้ำจะรั่วเข้ามาในบ้านทุกครั้ง เมื่อถึงฤดูหนาวก็จะหนาวเย็นมาก อีกอย่างบ้านผมไม่มีไฟฟ้าใช้ครับ สำหรับพ่อเลี้ยงและแม่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป มีรายได้ไม่แน่นอน เช่น รับจ้างเลี้ยงและเฝ้าวัวควายได้วันละ 50 บาท รับจ้างทอเสื่อได้ผืนละ 20บาท บางวันที่ไม่มีงานก็ไปหาปลามาขาย ขายได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เงินที่หามาได้ก็นำมาซื้อข้าวและอาหาร เลี้ยงคนในครอบครัววันต่อวันเท่านั้น ทุก ๆ วันผมจะรีบตื่นแต่เช้าไปโรงเรียนและตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด ผมชอบเรียนวิชาสุขศึกษา และพลศึกษา หลังจากเลิกเรียนผมจะรีบกลับบ้านมาช่วยงานที่บ้าน ส่วนในช่วงวันหยุดผมจะจูงวัวควายออกไปเลี้ยงที่ทุ่งนา ผมอยากได้ทุนการศึกษาเพื่อให้สามารถเรียนจบชั้นมัธยมการศึกษาตอนต้นและจะได้สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารซึ่งเป็นความใฝ่ฝันของผม และถ้าหากมีโอกาสผมอยากเรียนต่อให้ถึงระดับปริญญาตรีครับ”



จักรพงษ์ ซึ่งกำลังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในโรงเรียนที่จังหวัดกาฬสินธุ์ และมีอายุเพียง 12 ขวบ เช่นกัน เล่าว่า “ผมอาศัยอยู่กับปู่และย่าตั้งแต่เล็ก ๆ เพราะพ่อแม่หย่าร้างกัน บ้านที่พวกเราอาศัยก็เป็นบ้านญาติ ปู่ของผมไม่สามารถทำงานได้เพราะป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ดังนั้นจึงมีเพียงย่าคนเดียวที่หาเลี้ยงครอบครัวด้วยการออกไปงมหาหอยตามหนองน้ำใกล้บ้าน วันไหนที่ย่าไม่สบาย ผมก็จะไม่มีเงินซื้อกับข้าว ผมพยายามช่วยย่าหารายได้อีกทางเพื่อเก็บไว้ซื้อข้าวและอาหารด้วยการไปชกมวยเด็กโชว์ตามงานบุญต่างๆ ได้รายได้ครั้งละ 200 บาท ปัจจุบันผมได้เงินไปโรงเรียนวันละ10-20 บาท บางวันก็ไม่ได้เลย เพราะย่าไม่มีเงินและให้ไปรับประทานอาหารกลางวันที่โรงเรียนแทน ที่โรงเรียนผมชอบเรียนวิชาพลศึกษา เพราะผมชอบเล่นกีฬาและออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงเนื่องจากผมตัวเล็กที่สุดในห้อง ถ้าผมได้ทุนเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในปี 2564 นี้ ผมจะนำไปซื้ออุปกรณ์การเรียน และรองเท้านักเรียนที่คับแล้ว ผมมีความฝันอยากเรียนที่โรงเรียนกีฬาจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

หน่วยงานและผู้สนใจสามารถมีส่วนร่วมสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาให้นักเรียนที่ยากไร้ผ่านบัญชี "มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา (มูลนิธิ EDF)" ธนาคารกรุงเทพ เลขที่บัญชี 161-4-56698-0 ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 070-2-45369-0 ธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 980-7-59891-5ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 319-2-77744-8 และธนาคารทหารไทย เลขที่บัญชี 069-2-41110-1 หลังจากโอนเงินบริจาคแล้วสามารถส่งเอกสารการโอนและแจ้งรายละเอียดเพื่อขอรับใบเสร็จรับเงินเพื่อนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ที่อีเมล public@edfthai.org หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่มูลนิธิ EDF โทรศัพท์ 02-579-9209 ถึง 11 หรือคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.edfthai.org

มูลนิธิ EDF ทำงานพัฒนาคุณภาพการศึกษาและอาชีพให้นักเรียนที่ยากจนมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2530 และเริ่มโครงการทุนการศึกษาในปี 2531 เป็นต้นมา โดยปัจจุบันได้มอบโอกาส มอบอนาคตให้นักเรียนที่ยากไร้ใน 5,600 โรงเรียน ครอบคลุมพื้นที่ 61 จังหวัด ได้พัฒนาศักยภาพสามารถช่วยเหลือตนเองและมีอนาคตที่ดีขึ้นไปแล้ 390,473 คน (ตัวเลขปีการศึกษา 2531-2563)

 

จากการดำเนินงานในการช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนไทยที่ด้อยโอกาสและยากไร้ มูลนิธิ EDF ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ และได้รับรางวัลต่าง ๆ อาทิ รางวัลยอดเยี่ยมองค์กรพัฒนาเอกชนแห่งประเทศไทย ประเภทองค์กรขนาดใหญ่จากมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์  สถาบันคีนันแห่งเอเชีย  และ เดอะ รีซอร์ส อัลลิอันซ์ รางวัลประกาศนียบัตรองค์กรสาธารณกุศลระดับ  5 ดาว จากการดำเนินงานและบริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาล มีประสิทธิภาพทางการเงิน และมีความโปร่งใส จากสมาคมกิฟวิ่ง แบค รางวัลคนดีต้นแบบคุณธรรมไทยจากสมาคมสหพันธ์คนพิการในประเทศไทย และรางวัลกัลปพฤกษ์ทองคำจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นในฐานะหน่วยงานที่ทำความดีอันเป็นประโยชน์ต่อสังคม เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad