'VIVE Programme' หนุนบริษัทยักษ์ใหญ่ 'KTIS' และ 'FrieslandCampina' จับมือค้าน้ำตาลที่ผลิตอย่างยั่งยืนภายในประเทศเป็นรายแรกในประเทศไทย - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

'VIVE Programme' หนุนบริษัทยักษ์ใหญ่ 'KTIS' และ 'FrieslandCampina' จับมือค้าน้ำตาลที่ผลิตอย่างยั่งยืนภายในประเทศเป็นรายแรกในประเทศไทย

'VIVE Programme' หนุนบริษัทยักษ์ใหญ่ 'KTIS' และ 'FrieslandCampina' จับมือค้าน้ำตาลที่ผลิตอย่างยั่งยืนภายในประเทศเป็นรายแรกในประเทศไทย

'VIVE Programme' หนุนบริษัทยักษ์ใหญ่ 'KTIS' และ 'FrieslandCampina' จับมือค้าน้ำตาลที่ผลิตอย่างยั่งยืนภายในประเทศเป็นรายแรกในประเทศไทย

VIVE Sustainable Supply Programme ผู้ให้บริการอำนวยความสะดวกด้านการค้าน้ำตาลอย่างยั่งยืนแบบครบวงจรรายแรกของโลก ก้าวสู่อีกขั้นของความสำเร็จ ด้วยการปิดการเจรจาตกลงซื้อขายน้ำตาลภายในประเทศครั้งแรกกับสองลูกค้ารายใหญ่ในประเทศไทย อย่าง เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ (KTIS) และ ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (FrieslandCampina) โดยก้าวแห่งความสำเร็จในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ VIVE ในการสานต่อความยั่งยืนให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้นในประเทศไทย ตั้งแต่ด้านการเกษตร ไปจนถึงด้านอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อให้ธุรกิจต่าง ๆ ไทยสามารถร่วมงานกันได้สะดวกขึ้น พร้อมส่งเสริมเกษตรกรในท้องถิ่น รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศไทย

เนื่องจากหลายพื้นที่ในประเทศไทยถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา VIVE จึงเล็งเห็นถึงหนึ่งในต้นเหตุของมลพิษทางอากาศ อย่าง การเผาไร่อ้อยเพื่อเก็บเกี่ยวมาทำน้ำตาล ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เกษตรกรไทยจำนวนมากยังขาดแคลนเครื่องจักรสำหรับการเก็บเกี่ยวอ้อย ทำให้ต้องอาศัยวิธีการเก็บเกี่ยวแบบดั้งเดิมด้วยการเผาไร่อ้อย เพื่อลดภาระ และการจัดการของแรงงานที่ตัดอ้อย รวมถึงทำให้สามารถเก็บอ้อยด้วยมือได้สะดวกรวดเร็วขึ้น

โปรแกรม VIVE ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนชุมชนและสิ่งแวดล้อม รวมถึงช่วยเหลือผู้เข้าร่วมโปรแกรมอย่าง KTIS ให้พัฒนาต่อยอด และดำเนินการเก็บเกี่ยวอ้อยแบบลดการสร้างมลภาวะระหว่างการเก็บเกี่ยวได้ นอกจากนี้ VIVE ยังช่วยผู้เข้าร่วมโปรแกรมในการประเมินความเสี่ยงของการเกิดมลพิษในชั้นบรรยากาศ อันเนื่องมาจากการเก็บเกี่ยวพืชผล เพื่อให้ฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการสามารถบริหารจัดการ ควบคุม และลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด

KTIS เป็นโรงงานน้ำตาลที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นผู้จัดหาน้ำตาลจากแหล่งเพาะปลูกที่ยั่งยืนถึง 11,500 เมตริกตันให้โดยตรงกับ FrieslandCampina และยังได้เข้าร่วมโปรแกรมผ่าน Buyers Supporting VIVE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับผู้ซื้อปลายทางที่มุ่งมั่นในการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีความรับผิดชอบ และการพัฒนาที่ยั่งยืน

FrieslandCampina หนึ่งในบริษัทผลิตภัณฑ์นมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังเป็นอีกหนึ่งสมาชิกของ Buyers Supporting VIVE เพื่อการสานต่อนโยบาย รวมถึงกระบวนการต่าง ๆ ของแบรนด์ที่ก้าวหน้าและยั่งยืน พร้อมมุ่งมั่นจัดหาวัตถุดิบทางการเกษตรอย่างมีความรับผิดชอบและโปร่งใส

คุณณัฏฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล, รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, กลุ่มบริษัทเกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ กล่าวว่า เราเชื่อมั่นในการพัฒนาที่ยั่งยืนในห่วงโซ่ธุรกิจอ้อย รวมไปถึงกิจกรรมเชิงเกษตรอื่น ๆ ในประเทศไทย และเรายังภูมิใจที่ได้เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาต่อยอดทางธุรกิจกับ บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ภายใต้โปรแกรม VIVE ทั้งนี้เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนในอุตสาหกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่รวมถึงในระดับโลกด้วย

คุณอีแวน โซมู, หัวหน้าฝ่ายจัดซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก และการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีความรับผิดชอบ, ฟรีสแลนด์คัมพิน่า กล่าวว่า “การร่วมมือครั้งนี้นับเป็นอีกความสำเร็จครั้งสำคัญระหว่างเส้นทางการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีความรับผิดชอบของเรา เราต้องการส่งเสริมอุตสาหกรรมผ่านการดำเนินการสนับสนุนเกษตรกร และอุตสาหกรรมในท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำเกษตรกรถึงความจำเป็นในการผลิตวัตถุดิบที่ยั่งยืนมากขึ้น เพราะในอนาคต โลกของเราจะต้องการการผลิตที่มากขึ้นแต่ใช้เงินน้อยลง และการเดินทางของฟรีสแลนด์แคมปิน่าจะไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ ขณะที่ประชากรบนโลกเพิ่มขึ้นอยู่ทุกวัน เราก็ยังคงต้องการที่จะส่งมอบสารอาหารในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย ซึ่งผลิตมาอย่างสมดุลกับธรรมชาติต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรมีชีวิตที่ดีขึ้น”

นอกจากนี้ Czarnikow Group หรือ กลุ่มบริษัท ซีซาร์นิโคว ผู้บริการซัพพลายเชนระดับโลก และเจ้าของร่วมของ VIVE Programme และ Intellync ยังได้เป็นตัวกลางในการนำ KTIS และ ฟรีสแลนด์คัมพิน่า มารวมกัน เพื่อเปิดทางให้การค้าน้ำตาลอิสระเกิดขึ้นได้ สำนักงานในกรุงเทพของซีซาร์นิโคว ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 4 ปีก่อน โดยมีจุดประสงค์ที่จะขยายการเติบโตขององค์กรในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นศูนย์กลางสำหรับการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนทั่วทั้งภูมิภาค ซึ่งโรงงานน้ำตาลในประเทศไทยที่เข้าร่วม VIVE Programme ถือเป็นผู้ผลิตน้ำตาลอย่างยั่งยืนกว่า 1 ล้านเมตริกตันให้กับภูมิภาคนี้

คุณโทมัส บัลลาร์ด, ผู้จัดการทั่วไป, ซีซาร์นิโคว (ประเทศไทย) กล่าวว่า “อีกความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่สำหรับการพัฒนาโปรแกรม VIVE ในประเทศไทย นับตั้งแต่ที่เราเปิดสำนักงานที่กรุงเทพฯเมื่อปี 2018 คือการที่เราสามารถทำงานอย่างใกล้ชิดกับอุตสาหกรรมนี้ เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนและสร้างความได้เปรียบทางการค้าให้กับผู้เข้าร่วมโปรแกรมเป็นอย่างดี เรามองว่าการซื้อขายครั้งแรกของ KTIS และ ฟรีสแลนด์คัมพิน่า ในครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนกระแสทางธุรกิจ มากไปกว่านั้น เรายังมองว่าความยั่งยืนของอุตสาหกรรมน้ำตาลจะเป็นกระแสที่กำลังจะเติบโตขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้อีกด้วย”

คุณเบนจามิน เฟรนช์, เทรดเดอร์ระดับอาวุโส, ซีซาร์นิโคว และหนึ่งในผู้พัฒนาโปรแกรม VIVE ในทวีปเอเชีย กล่าวว่า “เราได้เห็นการเติบโตอย่างมากของวัตถุดิบน้ำตาลจาก VIVE ทั้งในประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซีย ดังนั้นเราจึงรู้สึกยินดีที่ได้สร้างความแตกต่างในประเทศไทย มีบริษัทอาหาร และเครื่องดื่มหลายสัญชาติที่มีสถานะแข็งแกร่งในสามตลาดนี้ เช่นเดียวกับ บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) พวกเขาสามารถรวมแนวทางสู่ความยั่งยืน รวมถึงจัดหาน้ำตาลที่ผ่านการตรวจสอบด้านความยั่งยืนสำหรับธุรกิจทั้งหมดของพวกเขาในภูมิภาคผ่าน VIVE ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad