"บีซีพีจี" แถลงผลประกอบการปี 2563 EBITDA 3,849 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมอนุมัติปันผล 0.17 บาท/หุ้น หลังกำไรปกติในไตรมาส 4 โต 24.5%
“บีซีพีจี” แถลงผลประกอบการปี 2563 EBITDA 3,849 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
พร้อมอนุมัติปันผล 0.17 บาท/หุ้น หลังกำไรปกติในไตรมาส 4 โต 24.5%.
บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ประกาศผลการดำเนินงานประจำปี 2563 EBITDA ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 3,849 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 30.2 %ผลจากการลงทุนโครงการใหม่ๆ และการเติบโตของโครงการลงทุนที่ มีอยู่เดิมซึ่งบริษัทฯ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่ องในหลายปีที่ผ่านมา
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนิ นงานในงวดปี 2563 EBITDA โตขึ้น 30.2% จากปี 2562 อยู่ที่ 3,849 ล้านบาท ซึ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติ การณ์ ขณะที่รายได้รวมทั้งปีอยู่ที่ 4,231 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.5% มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ อยู่ที่ 1,959 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 13.5%
ขณะที่งวดไตรมาส 4/2563 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,137 ล้านบาท เพิ่มขึ้น15.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิจากการดำเนิ นงานปกติอยู่ที่ 536 ล้านบาท เพิ่มขึ้น24.5 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนิ นงานในปี 2563 มีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจาก บริษัทฯ รับรู้ผลการดำเนินงานเต็มปีของ โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว “Nam San 3A” ที่กลุ่มบริษัทฯ เข้าซื้อตั้งแต่เดือน กันยายน 2562 และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม “ลมลิกอร์” ที่เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิ ชย์ตั้งแต่เดือน เมษายน 2562
นอกจากนี้ ยังทยอยรับรู้รายได้จาก 2 โครงการใหม่ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งที่ 2 “Nam San 3B” ใน สปป. ลาว ขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ซึ่งได้เข้าซื้อเมื่อเดือนกุ มภาพันธ์ 2563 และโครงการโรงไฟฟ้าพลั งงานแสงอาทิตย์ 4 โครงการในประเทศไทย ขนาดกำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ ที่ได้เข้าซื้อเมื่อเดือนสิ งหาคมปีเดียวกัน
ขณะเดียวกันยังได้รับส่วนแบ่ งกำไรจากโครงการโรงไฟฟ้าพลั งงานความร้อนใต้พิภพเพิ่มขึ้น เนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุ งตามแผนลดลง และส่วนแบ่ งกำไรจากโครงการโรงไฟฟ้าพลั งงานลมที่ประเทศฟิลิปปินส์ ที่ได้รับการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าต่ อหน่วยเพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ ายในการขายและบริหารลดลงอย่างมี นัยสำคัญเนื่องจากการเดินทางติ ดต่อธุรกิจลดลง ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพั นธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) พร้อมทั้งค่าใช้จ่ายด้านที่ปรึ กษาเกี่ยวกับการเข้าซื้อกิ จการได้ลดลง
ณ สิ้นปี 2563 สินทรัพย์รวมอยู่ที่ 51,220 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ร้อยละ 37.9 ส่วนหนี้สินรวมอยู่ที่ 28,671 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.8 โดยการเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ และหนี้สินดังกล่าว มีสาเหตุหลักจากการเข้าซื้ อโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ “Nam San 3B” ที่ สปป.ลาว และโครงการโรงไฟฟ้าพลั งงานแสงอาทิตย์ 4 โครงการในประเทศไทย
“ปี 2563 เป็นปีที่บริษัทฯ มี EBITDA ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นผลจากการลงทุ นในโครงการใหม่ๆ และการเติบโตของโครงการลงทุนที่ มีอยู่เดิมซึ่งบริษัทฯ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่ องในหลายปีที่ผ่านมา และจากความสำเร็จในการเพิ่มทุ นของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมานี้ ทำให้บริษัทฯ มีโครงสร้างทางการเงินที่เข้ มแข็งมากยิ่งขึ้น โดยส่วนของผู้ถือหุ้นเติบโตขึ้ นเป็นระดับ 22,480 ล้านบาท เติบโต 45% โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) อยู่ใน 1.27 เท่า พร้อมรองรับแผนการลงทุนในระยะ 5 ปี วงเงินประมาณ 40,000 ล้านบาท ที่สามารถทำให้บริษัทฯ มีความเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่า adder ของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลั งงานแสงอาทิตย์จะทยอยหมดลงไปก็ ตาม เป้าหมาย EBITDA ของบริษัทฯจะยังคงเติบโตโดยเฉลี่ ยร้อยละ15% ต่อปี ใน 5 ปีข้างหน้า” นายบัณฑิตกล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ได้มีมติเห็นชอบให้นำเสนอต่อที่ ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2564 เพื่อพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงิ นปันผลจากกำไรสุทธิ สำหรับผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2563 หรือครึ่งปีหลัง ของปี 2563 ให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.17 บาท และเมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่ างกาลงวดวันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2563 ที่ได้จ่ายไปแล้ว ในอัตราหุ้นละ 0.16 บาท จะรวมเป็นเงินปันผลที่จ่ายในปี 2563 รวมอัตราหุ้นละ 0.33 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 768.82 ล้านบาท
กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิ ทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 4 มีนาคม 2564 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 เมษายน 2564 และตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขึ้นเครื่องหมาย XD (Exclude Dividend) ในวันที่ 3 มีนาคม 2564 ทั้งนี้ บริษัทฯจะจ่ายเงินปันผลเมื่อได้ รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามั ญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 แล้ว
กำหนดประชุมสามัญผู้ถือหุ้ นประจำปี 2564 ในวันที่ 7 เมษายน 2564 เวลา 13.30 น. ณ อาคารเอ็มทาวเวอร์ ถนนสุขุมวิท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น