เชื่อว่าใต้ตาที่ลึกโบ๋เป็นหนึ่งในปัญหาที่ทำให้ใครหลายคนเป็นต้องหนักใจ เพราะส่งลให้ใบหน้าดูโรมไม่สดใสอีกทั้งยังดูแก่กว่าวัย จนคล้ายหมีแพนด้าขึ้นทุกที แต่บอกตรงนี้ได้เลยว่าการแก้ปัญหาไม่ใช่เรื่องยาก นอกจากการดูแลตัวเองให้ดีและพักผ่อนให้เพียงพอแล้ว ก็ยังมีทางลัดที่ช่วยแก้ปัญหาได้ทันทีอย่างการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา! ด้วยการใช้สารเติมเต็มกลุ่มไฮยารูลอนิกแอซิดมาเติมเต็มบริเวณใต้ตาที่ลึกโบ๋ รวมถึงริ้วรอยต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี แต่หลายคนอาจจะยังไม่มั่นใจ ไม่รู้ว่าควรใช้บริการที่ไหน เราจึงได้มีวิธีและปัจจัยในการเลือกมาฝากกันไว้ที่นี่แล้ว
เลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี?
1. คลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ
ความน่าเชื่อถือถือเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้ที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา โดยสามารถเลือกตรวจสอบได้จากทั้งทางหน้าร้านและบนโลกออนไลน์ ดังนี้
• ตรวจดูสถานที่จริงจากหน้าร้าน ด้วยการดูถึงความสะอาด รวมถึงเครื่องมือว่ามีพร้อมอย่างเหมาะสม และจะต้องมั่นใจว่าแพทย์ผู้ที่ดูแลมีความเชี่ยวชาญในเรื่องการฉีดฟิลเลอร์อย่างแท้จริงด้วย
• ดูได้จากการอ่านรีวิว โดยดูถึงว่ามีผู้มาใช้บริการมากน้อยเท่าไร รีวิวในภาพรวมอยู่ในแง่ใด หรือมีใครเข้ามาแนะนำการไปใช้บริการคลินิกเอาไว้อย่างไรบ้าง เพื่อใช้ประกอบการเลือกคลินิกที่ตอบโจทย์กับความต้องการของคุณมากที่สุด เพราะแต่ละที่ก็อาจมีความถนัดที่แตกต่างกันออกไป
2. แพทย์ที่มีความชำนาญ
ต้องเลือกแพทย์ที่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นอย่างดี เนื่องจากแพทย์แต่ละคนก็มีความถนัดไม่เหมือนกัน และความไม่ชำนาญของแพทย์อาจส่งผลให้เกิดข้อผิดพลาดในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้ เช่น การฉีดในบริเวณชั้นผิวที่ตื้นเกินไปจนส่งผลให้เกิดก้อนของสารเติมเต็มอย่างเห็นได้ชัด หรือการที่แพทย์ไม่สามารถประเมินสภาพและปัญหาผิวหน้าได้อย่างเหมาะสมจนอาจส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้ชนิดและปริมาณฟิลเลอร์ที่ไม่ถูกกับผิวหน้าของคนไข้ จนเกิดปัญหาตามมาในภายหลัง
3. ใช้ฟิลเลอร์แท้
การฉีดฟิลเลอร์ปลอมจะส่งผลร้ายต่อร่างกายได้อย่างมากมาย ยิ่งถ้าเป็นฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจไม่สามารถย่อยสลายได้ทั้งหมด ทำให้เกิดการตกค้างและส่งผลร้ายในระยะยาว จนทำให้เกิดการอักเสบ จับตัวเป็นก้อน เป็นตุ่ม ซึ่งในการแก้ไขจะต้องทำการผ่าตัดหรือขูดออกเท่านั้น สิ่งเหล่านี้ ทำให้เรายิ่งต้องทำการศึกษาให้มั่นใจก่อนการฉีดฟิลเลอร์ โดยมีวิธีเบื้องต้นที่คุณสามารถตรวจสอบได้ ดังนี้
• ตรวจสอบตัวกล่อง ว่ามีเลขทะเบียน อย. และเอกสารกำกับภาษาไทยเอาไว้หรือไม่ ซึ่งคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือส่วนใหญ่ มักจะให้คนไข้ตรวจดูก่อนเสมอ
• สามารถเช็กเลขล็อตได้ที่กล่อง ซอง สติกเกอร์และหลอด ซึ่งอาจมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละยี่ห้อ
• ต้องสามารถตรวจสอบ ด้วยการโทรเช็กเลขล็อตได้ที่บริษัทผู้นำเข้าฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อโดยตรง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น