กรมการค้าต่างประเทศเตรียมความพร้อมรองรับการบังคับใช้ความตกลง RCEP จัดทำระบบออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า การตรวจคุณสมบัติด้านถิ่นกำเนิดของสินค้า การขึ้นทะเบียนผู้ส่งออก และออกประกาศกำหนดเงื่อนไข หลักเกณฑ์ วิธีการในการยื่นขอหนังสือรับรองบ และการขึ้นทะเบียนส่งออก เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถใช้สิทธิ์ได้ทันที เมื่อความตกลงบังคับใช้ 1 ม.ค.65
นายชุตินันท์ สิริยานนท์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้จัดทำระบบต่าง ๆ เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการบังคับใช้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ทั้งระบบการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form RCEP) ระบบการตรวจสอบคุณสมบัติด้านถิ่นกำเนิดของสินค้า หรือ ROVERs และระบบการขึ้นทะเบียนผู้ส่งออกที่ได้รับอนุญาต และจะออกประกาศกรมฯ กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข รวมถึงวิธีการในการยื่นขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form RCEP) และการขึ้นทะเบียนผู้ส่งออกที่ได้รับอนุญาต เพื่อประกาศให้ผู้ประกอบการทราบรายละเอียดเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ RCEP ต่อไป
“กรมฯ ได้เตรียมความพร้อมด้านบุคลากรภายในของกรมฯ เพื่อรองรับภาระงานในการอำนวยความสะดวกทางการค้า โดยเฉพาะการทำหน้าที่รับผิดชอบการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form RCEP) และกำกับดูแลการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองโดยผู้ส่งออกที่ได้รับอนุญาต (Self-Certification by approved exporter) เพื่อให้ผู้ส่งออกสามารถใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงดังกล่าวได้ทันทีเมื่อความตกลงมีผลบังคับใช้”
นอกจากนี้ ยังมีกำหนดจัดงานสัมมนาออนไลน์ในวันที่ 16 ธ.ค.2564 เพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจในเรื่องกฎถิ่นกำเนิดสินค้า ที่ผู้ประกอบการจะได้ประโยชน์จากการใช้วัตถุดิบในแหล่งที่กว้างขึ้น สามารถนำมาผลิตเพื่อให้ได้ถิ่นกำเนิดไทย และ RCEP ยังเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ส่งออกของไทยในการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิด เนื่องจากปัจจุบันความตกลง ASEAN+1 เช่น อาเซียน-จีน อาเซียน-ญี่ปุ่น อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ยังไม่มีการใช้ระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองโดยผู้ส่งออกที่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นทางเลือกที่จะสามารถช่วยลดต้นทุนเอกสารการส่งออกสำหรับผู้ประกอบการได้ รวมทั้งจะเร่งส่งเสริมการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ความตกลง RCEP ให้แก่ผู้ประกอบการ
เมื่อต้นเดือนพ.ย.2564 ที่ผ่านมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้แถลงข่าวความคืบหน้าของความตกลง RCEP ว่าประเทศอาเซียน 6 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ บรูไนฯ สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม และไทย พร้อมทั้งประเทศคู่เจรจา 4 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ได้ยื่นสัตยาบันสารต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนเรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ความตกลง RCEP จะมีผลบังคับใช้กับประเทศดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2565 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2565 เป็นต้นไป การใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงไทย-ญี่ปุ่น หรือ JTEPA จะมีการปรับปรุงพิกัดระบบฮาร์โมไนซ์ โดยเปลี่ยนจากฉบับปี 2002 เป็น 2017 ส่งผลให้มีการปรับแก้ไขแบบฟอร์มหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form JTEPA) และแบบขอรับการตรวจคุณสมบัติของสินค้าทางด้านถิ่นกำเนิด ซึ่งกรมฯ ได้มีการแก้ไขประกาศกรมฯ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์ในการขอหนังสือรับรอง และตรวจสอบพิกัดอัตราภาษีศุลกากรและกฎถิ่นกำเนิดได้สะดวกมากขึ้นแล้ว
โดยที่ผ่านมา ญี่ปุ่นถือเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย จากข้อมูลการใช้สิทธิพิเศษในช่วง 9 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-ก.ย.) พบว่าไทยใช้สิทธิ JTEPA ในการส่งออกไปญี่ปุ่นมากถึง 4,961.24 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสินค้าส่งออกสำคัญที่มีการใช้สิทธิดังกล่าว ได้แก่ เนื้อสัตว์แช่แข็ง และสินค้าอุตสาหกรรมจำพวกสารเคมี อาทิ เดกซ์ทริน โพลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต เป็นต้น
วันเสาร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565
“พาณิชย์”ทำระบบรองรับ เตรียมพร้อมช่วยผู้ประกอบการใช้สิทธิ์ส่งออก RCEP
Tags
# เศรษฐกิจมหภาค
# ส่งออก
Share This
About preecha binmanoch
ส่งออก
ป้ายกำกับ:
เศรษฐกิจมหภาค,
ส่งออก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
Author Details
Templatesyard is a blogger resources site is a provider of high quality blogger template with premium looking layout and robust design. The main mission of templatesyard is to provide the best quality blogger templates which are professionally designed and perfectlly seo optimized to deliver best result for your blog.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น